Share

เตรียมพร้อมก่อนใคร กับ 5 เทรนด์การทำงานประจำปี 2024

ใกล้จะสิ้นปี 2023 แล้ว Life at AIGEN ขอชวนเพื่อน ๆ วัยทำงานทุกท่านมาอัปเดตเทรนด์การทำงานในอนาคตใหม่ก่อนใคร กับ 5 เทรนด์การทำงานประจำปี 2024 เพื่อเตรียมพร้อม และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที !

อัปเดต 5 เทรนด์การทำงานประจำปี 2024

1. AI จะเข้ามาช่วยมนุษย์ทำงานมากยิ่งขึ้น

ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI และ Machine Learning นั้นเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าเทคโนโลยี AI จะไม่สามารถเข้ามาทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้แบบ 100%  แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันมีเครื่องมือ AI จำนวนมากที่ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อทุ่นแรง และช่วยเหลือมนุษย์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

ยกตัวอย่างเช่น ChatGPT หรือ AI-Chatbot ที่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเขียนโค้ด เขียนบทความ หรือหาโซลูชันต่าง ๆ เพื่อการทำงาน เป็นต้น รวมถึงเทคโนโลยี AI-OCR ที่ช่วยให้พนักงานสามารถดึงข้อมูลจากเอกสารลงสู่ระบบได้แบบอัตโนมัติ ทำให้พนักงานสามารถโฟกัสกับงานอื่น ๆ ได้มากกว่า โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ข้อมูลอีกต่อไป

ดังนั้น ในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ รวมถึงในอนาคตข้างหน้า ผู้ที่มีความรู้ และสามารถนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำงานจะมีความได้เปรียบกว่าผู้ที่ยังทำงานในรูปแบบแมนนวลเพียงอย่างเดียว กล่าวได้ว่า AI จะกลายเป็นทักษะใหม่ที่เป็นกุญแจสำคัญของความก้าวหน้าในการทำงานขององค์กรนั่นเอง

อ่านบทความ 📖 “แนะนำ 5 ตัวช่วยสำคัญของคนทำงานสายเทคยุคใหม่”

2. การทำงานด้วยหลักความยั่งยืน (Sustainability)

หนึ่งสิ่งสำคัญที่มนุษย์ควรให้ความสำคัญ นั่นก็คือปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก โดยในปี 2024 นี้ มีแนวโน้มที่หลาย ๆ องค์กรจะหันมาใส่ใจกับกระบวนการทำงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนระบบการทำงานขององค์กรให้เป็นองค์กรไร้กระดาษ (Paperless Organization) ที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดเก็บไฟล์เอกสารในรูปแบบดิจิทัลเพื่อลดการใช้กระดาษ ซึ่งก่อให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงนโยบายส่งเสริมการรีไซเคิล หรือการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรหรือชุมชน เป็นต้น

อ่านบทความ 📖 “สร้างระบบ Paperless ช่วยบริหารงานเอกสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด”

3. การเติบโตของ GEN Z

ในปี 2024 คนวัยหนุ่มสาว  GEN Z ที่เติบโตมาในยุคที่เทคโนโลยีเฟื่องฟูแล้วนั้นจะมีความเชี่ยวชาญ และคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย  หรือสมาร์ตโฟนเป็นอย่างดี ทำให้คน GEN Z นั้นเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาใช้สร้างความก้าวหน้าในการงานอาชีพได้

สังเกตได้ชัดจากคอนเทนต์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังอย่าง Tiktok ที่มีเด็กรุ่นใหม่มากมายได้แสดงความสามารถในการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียได้อย่างสร้างสรรค์ และสร้างรายได้เสริม (Side Hustle) ได้ง่าย ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ 

เช่นเดียวกันกับคนรุ่นเก่า แต่ยังเก๋า ที่พร้อมเรียนรู้ และปรับตัวไปกับความล้ำหน้าของเทคโนโลยี ผนวกเข้ากับประสบการณ์การทำงาน และการใช้ชีวิตมาก่อน ก็สามารถเป็นผู้นำ และให้คำปรึกษาแก่เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงได้เป็นอย่างดี

4. จาก Work Remote สู่ Hybrid Work

เมื่อไม่นานมานี้ คนทำงานยุคใหม่หลาย ๆ คนอาจจะเคยชินจากการทำงานจากที่บ้าน หรือที่ใดก็ได้แบบ 100 % ทุกวันต่อสัปดาห์ เนื่องจากเป็นหนึ่งในนโยบายขององค์กรที่ส่งเสริมการหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แต่เนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 นั้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้คนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ หลาย ๆ องค์กรจึงเริ่มหันมาใช้นโยบาย Work Hybrid ซึ่งกระตุ้นให้พนักงานเข้าออฟฟิศ สลับกับทำงานที่บ้าน เพื่อให้พนักงานได้มีปฏิสัมพันธ์ ในการทำงานร่วมกับสมาชิกคนอื่น ๆ มากขึ้น และสร้างความสมดุลในการทำงานให้แก่องค์กร

โดยการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะต้องดำเนินแบบค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปโดยมีการตกลงร่วมกันระหว่างนายจ้าง และพนักงาน เช่น กำหนดให้เข้าออฟฟิศ  1 วันต่อสัปดาห์ และเมื่อพนักงานเริ่มคุ้นชินกับการเข้าออฟฟิศ และสนุกกับการได้ทำงานร่วมกับสมาชิกคนอื่น ๆ มากขึ้น จึงค่อยปรับเปลี่ยนจำนวนวันเข้าออฟฟิศตามความเหมาะสม  

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานนั้นจะสร้างตัวเลือกในการเลือกงานที่ใช่ให้แก่คนทำงานยุคใหม่ ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน หลายคนที่เคย Work from home แบบ 100 % อาจจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้

5. ทักษะแห่งอนาคต (Future Skill)

เทคโนโลยีได้เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตการทำงานมากขึ้น ทำให้คนทำงานยุคใหม่ต้องเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้ เพื่อใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อย่างเข้าใจ และมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ และตัดสินใจด้วยข้อมูล (Data) การตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงการมีทักษะด้าน Critical Thinking ซึ่งเป็นทักษะที่เราไม่สามารถใช้เครื่องมือ หรือเทคโนโลยีให้ทำแทนเราได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ เทคโนโลยีได้เข้ามาส่งเสริมการเรียนรู้แบบไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ผู้คนสามารถค้นคว้า และศึกษาหาความรู้ เพื่อ Reskill หรือ Upskill ของตนเองอยู่ตลอดเวลา จากที่ไหน เวลาใดก็ได้ รวมถึงองค์กรยุคใหม่ได้หันมาส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมอบรม   หรือลงคอร์สเรียนออนไลน์เพื่อสร้างทักษะแห่งอนาคต เป็นต้น

อ่านบทความ 📖 “พัฒนาทักษะเดิม (Upskill) เพิ่มทักษะใหม่ (Reskill) ให้ปังกว่าใครในโลกการทำงานยุคใหม่”

อ่านบทความ 📖รีวิวคอร์สออนไลน์ และ BootCAMP ด้าน AI และ Machine Learning

และนี่ก็เป็นรวม 5 เทรนด์การทำงานประจำปี 2024 ที่ Life at AIGEN ได้รวบรวมมาให้เพื่อน ๆ ศึกษาเพื่อเตรียมให้พร้อม กับอนาคตที่กำลังจะมาถึง!

ร่วมงานกับพวกเรา AIGEN

AIGEN บริษัท Start up ด้านเทคโนโลยี AI และ Machine learning ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน พื้นที่ของคนรุ่นใหม่ไฟแรง เปิดโอกาสในการเรียนรู้ สามารถทำงานแบบ Hybrid และมีวัฒนธรรมองค์กรสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการหลักสูตรออนไลน์สำหรับพัฒนาอาชีพ ที่ให้พนักงานสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเรา

AIGEN กำลังเปิดรับตำแหน่งสายงานทาง Tech ที่น่าสนใจหลายตำแหน่ง สามารถดูตำแหน่งงานที่กำลังเปิดรับสมัครได้ที่ 👉 Link

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Forbes , Hrmasia , The Future Of Work: Key Emerging Workplace Trends To Watch For 2024
AIGEN Live chat