วิธีเขียน Resume อย่างมืออาชีพ โดนใจ HR ตั้งแต่แรกเห็น
Resume คือเอกสารสำคัญที่ช่วยบ่งบอกถึงความเป็นคุณให้กับผู้ว่าจ้างภายในไม่กี่วินาที การเขียนเรซูเม่ที่ดี จึงไม่ใช่แค่การรวมข้อมูลส่วนตัว แต่คือการ “สื่อสารจุดแข็ง” และ “สร้างความประทับใจแรกพบ” เพื่อให้ HR หรือผู้สัมภาษณ์เห็นศักยภาพของคุณอย่างชัดเจน วันนี้ AIGEN จะพาคุณไปดูวิธีเขียน Resume อย่างมืออาชีพ เพื่อให้ใบสมัครของคุณโดดเด่นที่สุดในสายตา HR

ความสำคัญของการทำ Resume ที่ดี
Resume เป็นเอกสารสำคัญที่ช่วยสร้าง “ความประทับใจแรก” และเป็นตัวแทนแสดงศักยภาพของคุณต่อผู้ว่าจ้าง ก่อนที่จะได้พบกันจริง ดังนั้น การเขียนเรซูเม่ที่ดีจึงไม่ใช่แค่การกรอกข้อมูลให้ครบ แต่คือการนำเสนอภาพลักษณ์ ความสามารถ และความพร้อมในการทำงาน หากคุณเข้าใจวิธีเขียน Resume อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสให้ HR สนใจและเรียกสัมภาษณ์ได้ง่ายขึ้น
ช่วยสร้างความประทับใจแรก
HR ใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 10 วินาทีในการอ่านเรซูเม่หนึ่งฉบับ การจัดวางข้อมูลให้ชัดเจนจึงสำคัญมาก การเขียนเรซูเม่ที่ดีจึงควรมีโครงสร้างที่ดูเป็นระเบียบ อ่านง่าย และนำเสนอข้อมูลสำคัญในตำแหน่งที่มองเห็นได้ทันที เช่น ชื่อ ตำแหน่งที่สมัคร และทักษะที่เกี่ยวข้องกับสายงาน
เพิ่มความโดดเด่นเหนือผู้สมัครคนอื่น ๆ
การเขียนเรซูเม่คือการเล่าเรื่องด้วยภาษาที่แสดงผลลัพธ์ เช่น หากคุณมีประสบการณ์ในสายงานขาย ควรเขียนว่า “สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้เพิ่มขึ้น 25% ภายใน 6 เดือน” ไม่ใช่แค่การเขียนว่า “มีประสบการณ์ขาย” เพราะการใช้คำที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ ควรเน้นถึงผลงานที่วัดผลได้ ก็จะทำให้เรซูเม่ของคุณดูโดดเด่นและน่าจดจำยิ่งขึ้น
เพิ่มโอกาสสัมภาษณ์งาน
Resume ที่สะท้อนถึงความตั้งใจ มีความละเอียดรอบคอบ และความพร้อมในการทำงาน จะช่วยให้ HR มองเห็นทักษะและประสบการณ์ที่ตรงกับตำแหน่งงานได้อย่างรวดเร็ว การเขียนเรซูเม่ที่ดีจึงเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่ เพราะเอกสารเพียงไม่กี่หน้าสามารถสื่อถึงความสามารถและความเป็นตัวคุณได้อย่างครบถ้วน
องค์ประกอบสำคัญของ Resume ที่ดี
การทำ Resume ที่ดีควรมีข้อมูลที่จำเป็นอย่างครบถ้วน เพื่อให้ผู้ว่าจ้างเข้าใจประวัติและทักษะของคุณได้ในทันที โดยข้อมูลที่ควรระบุอยู่ใน Resume มีอยู่ด้วยกันดังนี้
ข้อมูลส่วนตัวและช่องทางติดต่อ
ระบุชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลให้ครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดเกินไป อย่างหมายเลขบัตรประชาชน หรือที่อยู่เต็มรูปแบบ
ประวัติการศึกษาและคุณวุฒิ
ระบุชื่อสถาบัน ระดับการศึกษา คณะ และปีที่จบการศึกษา พร้อมเรียงลำดับจากใหม่ไปเก่า
ประสบการณ์ทำงานและความสำเร็จ
เขียนให้กระชับ เน้นผลลัพธ์ของผลงาน เช่น “ดูแลระบบฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 10,000 ราย”
ทักษะและความสามารถพิเศษ
ระบุทั้ง Hard Skills เช่น Programming, Data Analysis และ Soft Skills เช่น Teamwork, Communication, Problem-solving เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีศักยภาพรอบด้าน
กิจกรรมเสริม (ถ้ามี)
ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและแสดงถึงความสามารถที่โดดเด่น เช่น การเข้าร่วมเวิร์กช็อป หรือการแข่งขันด้านเทคโนโลยี
เทคนิคการเขียนเรซูเม่ให้โดดเด่น : เรซูเม่ที่ดี ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
1. ข้อมูลส่วนตัว และช่องทางการติดต่อ
ข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาใน Resume อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินความจำเป็น โดยข้อมูลที่ควรมี มีดังต่อไปนี้
- ชื่อ-นามสกุล
- อายุ : บางบริษัทจำเป็นต้องทราบอายุของผู้สมัคร เช่น ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
- เบอร์โทรศัพท์
- อีเมล
- URL ของ LinkedIn (ถ้ามี)
- ที่อยู่พอสังเขป เช่น เขต/อำเภอ และจังหวัด
หากผู้สมัครต้องการใส่รูปภาพใน Resume ควรจะเป็นรูปภาพหน้าตรง พร้อมกับแต่งกายด้วยชุดสุภาพและเป็นทางการ
2. ประวัติการศึกษา
ในส่วนของประวัติการศึกษา ให้ใส่ชื่อสถาบันการศึกษา คณะ และภาควิชาที่จบมา รวมถึงปีที่เข้าร่วม และปีที่จบการศึกษา ยกตัวอย่างเช่น
AIGEN University
Bachelor of Engineering, B.Eng.
Computer Engineering
June, 2010 – February, 2014
โดยส่วนใหญ่แล้ว HR จะพิจารณาผู้สมัครที่เรียนจบตรงสายงานก่อน แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครมีทักษะ หรือประสบการณ์การทำงานที่ตรงกับสายงานที่ HR กำลังมองหา ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
สำหรับคนที่เรียนไม่ตรงสายแต่อยากทำงานด้าน Tech สามารถอ่านบทความ รวม 5 สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเมื่ออยากย้ายงานมาสาย Tech

3. ประสบการณ์การทำงาน
ประวัติการทำงานของผู้สมัคร จะเป็นตัวชี้วัดประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมา เนื้อหาในส่วนนี้ควรจะประกอบไปด้วยชื่อบริษัท ตำแหน่งงาน อายุงาน ตามด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย รวมถึง Achievement จากงาน หรือโปรเจกต์นั้น ๆ โดยเขียนในลักษณะแยกเป็นหัวข้อย่อยออกมา ยกตัวอย่างเช่น
ABCD Software Company
Solution Engineer | May. 2013 – May 2018
– Be responsible for the performance of the installed system and technical problems that may occur.
– Provided post-installation follow-ups.
– Supported the sales team with all technical related queries.
AIGEN แนะนำว่า ให้ผู้สมัครเขียนหน้าที่การทำงานแต่ละหัวข้อให้สั้น กระชับ และชัดเจนมากที่สุด เพื่อที่ HR อ่านแล้วจะได้เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลานาน และจากตัวอย่างจะเห็นว่า แต่ละประโยคจะขึ้นด้วยคำกริยาที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
4. ทักษะ เครื่องมือที่ใช้งาน และใบ Certificate
ผู้สมัครควรบอกทักษะที่ตนเองมีลงไปใน Resume ไม่ว่าจะเป็น Hard skill หรือ Soft Skill ก็ตาม รวมถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่สามารถใช้ในการทำงานได้อย่างเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม ทักษะและความรู้ที่เขียนลงไปควรเกี่ยวข้องกับเนื้องานที่สนใจ และเป็นจริงตามที่เขียนไปจริง ๆ
นอกจากนี้ หากคุณเคยผ่านการอบรม หรือเรียนคอร์สออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะทางอาชีพ ก็สามารถแนบใบ Certificate เพื่อแจ้งให้ HR ทราบได้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างการเขียน
Technical skills : Welding • Electrical Systems • Modern safety equipment • Knowledge of major OSHA safety regulations • OSHA Certification • SMAW Welding Tools
Additional skills : Good team player • Willingness to learn • Flexible person • Organized • Effective communicator
5. แฟ้มสะสมผลงาน หรือ Portfolio
ในกรณีที่ผู้สมัครเคยทำโปรเจกต์ หรือมีผลงานที่อยากจะแสดงให้ HR รับทราบ สามารถรวมผลงานทั้งหมด รวมถึงใบ Certificate หรือสำเนาผลคะแนนสอบวัดระดับต่าง ๆ ที่มีอยู่ไว้อีกไฟล์หนึ่ง แล้วแนบมากับ Resume ได้

ข้อควรระวังในการเขียนเรซูเม่
- หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่จำเป็นหรือยาวเกินไป เช่น ประวัติของสมาชิกในครอบครัว
- ตรวจสอบการสะกดคำ ไวยากรณ์ และรูปแบบการจัดหน้าให้ถูกต้อง
- อย่าใช้สีหรือลูกเล่นเกินจำเป็น เพราะอาจทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพ
- ควรบันทึกไฟล์ในรูปแบบ PDF เพื่อให้เปิดอ่านได้ทุกอุปกรณ์โดยไม่ผิดเพี้ยน
ตัวอย่างการเขียนเรซูเม่ที่ดี
ตัวอย่างการเขียนเรซูเม่สำหรับเด็กจบใหม่
สำหรับนักศึกษาจบใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานในสายอาชีพ อาจยังไม่มีประสบการณ์การทำงานมากนัก ดังนั้น หัวใจสำคัญของการเขียนเรซูเม่คือการนำเสนอทักษะ ความรู้ และกิจกรรมที่สะท้อนความสามารถและศักยภาพในการเรียนรู้ของคุณ
- เน้นส่วนของการศึกษาและทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน
- เพิ่มหัวข้อ กิจกรรมในมหาวิทยาลัย หรือ โครงการที่เคยทำ เช่น งานวิจัย หรือกิจกรรมชมรมที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพ
- ใช้คำกริยาที่แสดงถึงการลงมือทำ เช่น “พัฒนา”, “ออกแบบ”, “จัดการ”, “ประสานงาน” เพื่อให้เรซูเม่ดูมีพลัง
- เขียนสรุปสั้น ๆ ในตอนต้นของเรซูเม่ เพื่อบอกเป้าหมายทางอาชีพ เช่น “ต้องการเริ่มต้นอาชีพในสาย Data Analyst เพื่อพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างคุณค่าให้แก่องค์กร”
ตัวอย่างการเขียนเรซูเม่สำหรับผู้มีประสบการณ์
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานแล้ว จุดแข็งของคุณอยู่ที่ “ผลงาน” และ “ผลลัพธ์ที่วัดได้” ดังนั้น การเขียนเรซูเม่จึงควรเน้นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญ ความสำเร็จ และผลกระทบที่สร้างให้กับองค์กร มากกว่าการบรรยายหน้าที่ทั่วไป
แนวทางการเขียนเรซูเม่สำหรับผู้มีประสบการณ์
- เขียนบรรยายสั้น ๆ เพื่อสรุปความเชี่ยวชาญ เช่น “Solution Engineer ที่มีประสบการณ์กว่า 5 ปี ด้านการออกแบบระบบ AI และ Machine Learning ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมผลงานในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบจัดเก็บข้อมูลกว่า 40%”
- เรียงลำดับประสบการณ์ทำงานจากล่าสุดไปเก่า
- ใส่ตัวเลขที่วัดผลได้ เช่น “ลดเวลาในการประมวลผลข้อมูลจาก 5 นาที เหลือ 30 วินาที” หรือ “บริหารทีมขนาด 10 คน และส่งมอบโครงการก่อนกำหนด 15%”
- เพิ่มหัวข้อ Achievements หรือ Projects เพื่อแสดงความสามารถเฉพาะทาง
การปรับเรซูเม่ให้เหมาะกับอุตสาหกรรม
อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญของการเขียนเรซูเม่ คือการปรับเนื้อหาให้เหมาะกับลักษณะของแต่ละอุตสาหกรรม เพราะจุดที่ HR มองหา จะแตกต่างกันไปตามสายงาน ดังนั้นก่อนส่งใบสมัคร ควรทำความเข้าใจลักษณะของอุตสาหกรรมนั้น ๆ เพื่อเน้นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญมากที่สุด
แนวทางการปรับเรซูเม่ให้เหมาะกับแต่ละสายอาชีพ
- สาย Tech : ควรเน้นทักษะทางเทคนิค เช่น Programming Languages (Python, JavaScript), Data Analysis Tools (SQL, Power BI), หรือ AI/ML Frameworks (TensorFlow, PyTorch) และระบุผลงานจริง เช่น “พัฒนาโมเดล Machine Learning เพื่อตรวจจับข้อผิดพลาดของระบบได้แม่นยำ 95%”
- สายการตลาด : ชูผลงานด้านกลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์ พร้อมตัวเลขวัดผล เช่น “ออกแบบแคมเปญออนไลน์ ที่เพิ่มยอดผู้ติดตามได้ 120% ภายใน 3 เดือน” หรือ “เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางดิจิทัลกว่า 5 ล้านบาท”
- สายบริหาร : เน้นทักษะการเป็นผู้นำ การบริหารทีม และการวางแผนกลยุทธ์ เช่น “วางแผนโครงสร้างองค์กรใหม่ ทำให้ลดต้นทุนลง 20% โดยไม่ลดประสิทธิภาพการทำงานของทีม”
- สายดีไซน์หรือครีเอทีฟ : ควรแนบ Portfolio เพื่อโชว์ผลงานจริง เช่น งานออกแบบโลโก้ เว็บไซต์ หรือ UX/UI พร้อมลิงก์ไปยังโปรเจกต์
- สายบริการลูกค้า (Customer Service / Sales) : ใส่ความสามารถด้านการสื่อสาร การแก้ปัญหา และตัวเลขผลงาน เช่น “ดูแลลูกค้ากว่า 200 รายต่อเดือน และได้รับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ย 4.8/5.0”
รู้วิธีเขียน Resume ให้เป๊ะปัง เตะตา เตะใจ HR อย่างงี้แล้ว AIGEN หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหางานใหม่ ๆ และอยากจะอัปเดต Resume ให้ยอดเยี่ยม !
กำลังมองหางานสาย Tech อยู่หรือเปล่า ?
หากคุณกำลังมองหาโอกาสในสายเทคโนโลยี หรือสายงานด้าน AI สามารถสมัครงานได้เลยที่ AIGEN เราคือบริษัท Start up ด้านเทคโนโลยี AI และ Machine learning ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ไฟแรง เปิดโอกาสในการเรียนรู้ สามารถทำงานแบบ Hybrid และมีวัฒนธรรมองค์กรสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีสวัสดิการหลักสูตรออนไลน์สำหรับพัฒนาอาชีพ ที่ให้พนักงานสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ
พวกเรากำลังเปิดรับตำแหน่งสายงานทาง Tech ที่น่าสนใจหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น Data engineer, Machine learning engineer, Solution engineer และตำแหน่งอื่น ๆ สามารถดูตำแหน่งงานที่กำลังเปิดรับสมัครได้ที่ Link
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Q : การทำ Resume ที่ดี ควรมีความยาวเท่าไรถึงจะเหมาะสม ?
A : โดยทั่วไป Resume ที่ดี ควรมีความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 สำหรับเด็กจบใหม่ หรือ ไม่เกิน 2 หน้า ในกรณีที่ผู้สมัครมีประสบการณ์ทำงานหลายปี เนื้อหาควรเน้นข้อมูลสำคัญ และจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้อ่านง่ายและสแกนได้รวดเร็ว
Q : จำเป็นต้องใส่รูปถ่ายในเรซูเม่หรือไม่ ?
A : ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและนโยบายของบริษัท หากเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการบริการหรือภาพลักษณ์ เช่น งานต้อนรับหรือขาย ควรใส่รูปถ่ายหน้าตรง สวมชุดสุภาพ แต่หากเป็นสายงาน Tech หรือ Creative การไม่ใส่รูปก็ไม่ถือว่าผิดหลัก
Q : การเขียนเรซูเม่ควรเขียนด้วยภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษดี ?
A: หากสมัครงานในบริษัทไทยทั่วไป สามารถใช้ภาษาไทยได้ แต่ถ้าเป็นองค์กรต่างชาติหรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ การเขียน Resume เป็นภาษาอังกฤษจะช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ และสะดวกต่อการพิจารณาของ HR ที่ใช้ระบบคัดกรองอัตโนมัติ (ATS)
Q : จำเป็นต้องปรับเรซูเม่ใหม่ทุกครั้งที่สมัครงานไหม ?
A : ควรปรับเรซูเม่ให้เหมาะกับตำแหน่งงานแต่ละครั้ง โดยเฉพาะส่วนของทักษะและประสบการณ์ ควรเน้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร เพื่อให้ HR เห็นว่าคุณเหมาะสมกับบทบาทนั้นจริง ๆ




