รู้จักกับ Augmented intelligence เมื่อ AI จับมือทำงานร่วมกับมนุษย์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ต่อเนื่องจากบทความ Human vs AI : AI จะมาทดแทนคนได้จริงหรือไม่? ได้มีการกล่าวถึง Augmented intelligence ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ใหม่ที่เริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้น โดยเป็นแนวคิดที่นำ AI มาทำงานร่วมกับคนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยพัฒนา และยกระดับการตัดสินใจของมนุษย์ ทำให้คนทำงานได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะแตกต่างจากแนวคิดอันโด่งดังของ AI ที่ว่าคอมพิวเตอร์จะมาแทนมนุษย์ Augment intelligence ถือเป็นส่วนหนึ่งของ AI ที่มุ่งเน้นไปที่การหาวิธีให้มนุษย์ และคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องจักรสามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่การเอาคนออกไปจากขั้นตอนการทำงานบางอย่าง ในบทความนี้ AIGEN จะพามารู้จักกับ Augmented intelligence กันให้มากยิ่งขึ้น ว่ามีวิธีการทำงานอย่างไร และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างไรได้บ้าง
Augmented intelligence คืออะไร
Augmented intelligence ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Artificial intelligence หรือ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่จะเข้ามาช่วยเหลือคนมากกว่าที่จะมาแทนที่คน โดยการทำงานโดยทั่วไปจะใช้ Machine learning ในการวิเคราะห์ข้อมูล และช่วยให้มนุษย์สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น
Augmented intelligence ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์เพื่อเพิ่มความสามารถ และประสิทธิภาพในการทำงานให้กับมนุษย์ มากกว่าที่จะนำมาทดแทนมนุษย์ โดยที่ใช้ Machine learning และ Deep learning เพื่อย่อยข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาล เพื่อให้มนุษย์สามารถนำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ไปใช้ในการตัดสินใจ และดำเนินการต่อไปได้
โดยที่มนุษย์เองนั้นสามารถใช้ Augmented intelligence เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ต้องใช้เรื่องของ Data science และ การวิเคราะห์ข้อมูล
ตัวอย่างเช่น ในธุรกิจค้าปลีก Augmented intelligence สามารถแนะนำรูปแบบการจัดวางภายในร้านค้า และการจัดวางสินค้าที่เหมาะสมที่สุดโดยพิจารณาจากข้อมูลของลูกค้า เช่น รูปแบบการเข้ามาซื้อสินค้าของลูกค้า หรือในธุรกิจประกัน Augmented intelligence สามารถช่วยให้การอนุมัติการเคลมประกันทำได้แบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี AI-OCR ในการดึงข้อมูลจากเอกสารต่างๆ ออกมาได้แบบอัตโนมัติ มาใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลว่าการเคลมแต่ละครั้งนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ โดยที่หากมีเคสไหนที่ผิดปกติสามารถส่งต่อไปให้พนักงานตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกต่อไปได้
Augmented intelligence VS Artificial intelligence แตกต่างกันอย่างไร ?
Artificial intelligence หรือ AI นั้น มุ่งหาวิธีที่จะทำให้ขั้นตอนการทำงานทำได้แบบอัตโนมัติโดยการเจาะลึกไปในข้อมูลที่มีอยู่เพื่อให้ได้คำตอบ และดำเนินการได้แบบอัตโนมัติ ส่วน Augmented intelligence นั้นเป็นการใช้เทคโนโลยี AI แต่อยู่ในรูปแบบที่ยังมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และคนยังมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ
เป้าหมายของเทคโนโลยี AI นั้นคือการแสดงพฤติกรรมอันชาญฉลาดที่เลียนแบบความคิดของมนุษย์ และในที่สุดสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ และตัดสินใจได้โดยที่ไม่ต้องใช้คนเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเป้าหมายนี้นั้นยังไม่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้
โดยที่ Augmented intelligence นั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงพฤติกรรมอันชาญฉลาดเช่นกัน แต่สิ่งแตกต่างที่สำคัญคือมีการทำงานร่วมกันกับมนุษย์เพื่อยกระดับขั้นตอนการทำงานที่ต้องทำให้แล้วเสร็จ หรือยกระดับการตัดสินใจนั่นเอง
ส่วน Social intelligence นั้น ถือเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนี้เช่นกัน เป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Augmented intelligence ที่ช่วยให้เข้าใจทั้งงาน และการกระทำที่มนุษย์พยายามทำก่อนที่จะลงมือทำจริง
โดยที่ระบบ AI เองนั้นไม่จำเป็นต้องมีเรื่องของ Social intelligence เข้ามาเกี่ยวข้องมากนักเนื่องจากถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบอัตโนมัติ แต่ในส่วนของ Augmented intelligence จำเป็นต้องมีเรื่องของ Social intelligence เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องให้เหตุผลกับคนได้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ และทำให้คนสามารถให้คำแนะนำได้ว่า Augmented intelligence ควรต้องทำอย่างไร เหมือนวิธีที่คนใช้ในการพูดคุย และสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
Augmented intelligence มีวิธีการทำงานอย่างไร ?
Augmented intelligence ใช้ AI และ Machine learning ในการรวบรวมข้อมูลทั้งแบบ Structured และ Unstructured จากหลายๆ แหล่ง และหลังจากนั้นจึงนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และตีความ หรือแปลความหมายต่อไป
เนื่องจาก Augmented intelligence นั้นทำงานร่วมกับคนจึงทำให้มีจุดแข็งในเรื่องของการเห็นภาพใหญ่ของสามัญสำนึกได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบ AI นั้นไม่มี เนื่องจาก AI จะเน้นการมีมุมมองในเชิงลึก และแคบจากข้อมูลที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 2 อันเล่นหมากรุกแข่งกันอาจจะพยายามเล่นให้จบเกมส์ถึงแม้ว่ากำลังมีไฟไหม้อยู่ในออฟฟิศก็ตาม ในขณะที่ถ้าคอมพิวเตอร์แข่งเล่นหมากรุกกับคน คนก็จะแนะนำให้คอมพิวเตอร์นั้นปิดตัวเองซะก่อน เนื่องจากกำลังมีไฟไหม้อยู่เป็นต้น
โดยที่ Subbarao Kambhampati อาจารย์ที่คณะ School of Computing และ Augmented Intelligence จากมหาวิทยาลัย Arizona State ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กล่าวไว้ว่า “หากเขาต้องการอนาคตที่คนจะถูกทดแทนจริงๆ นี่คืออนาคตที่เรากำลังสร้างด้วยระบบ AI” “แต่ถ้าต้องการอนาคตที่คนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อนั้น Augmented intelligence จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ”
การนำ Augmented intelligence มาใช้งาน
ความสามารถของมนุษย์สามารถพัฒนาไปได้อีกขั้นด้วย Augmented intelligence ซึ่งให้ความช่วยเหลือพิเศษ และความรู้ที่ช่วยให้คนตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ธุรกิจการดูแลสุขภาพ ธนาคาร การให้บริการลูกค้า และการศึกษาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน ความแม่นยำ และประสิทธิภาพ เครื่องมือที่ใช้ AI เป็นตัวขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นแชทบอท ผู้ช่วยเสมือน และระบบให้คำแนะนำต่างนำมาใช้กับ Augmented intelligence ได้ทั้งหมด
นอกจากนั้นเทคโนโลยีนี้ยังสามารถทำให้ขั้นตอนที่ต้องทำแบบซ้ำๆ กินเวลา หรือต้องใช้ทักษะให้ทำได้แบบอัตโนมัติ ทำให้คนมีเวลาจะที่โฟกัสกับงานที่มีความท้าทาย และงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น การใช้วิธีดิจิทัลมาใช้กับกระบวนการตัดสินใจ และผลลัพธ์ที่ได้ยังช่วยเพิ่มความโปร่งใส และความรับผิดชอบอีกด้วย
รวมไปถึง Augmented intelligence ยังช่วยธุรกิจในการประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ค้นหาแพตเทิร์น และเทรนด์ที่จะทำให้ธุรกิจตัดสินใจได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยการให้ความช่วยเหลือ และข้อมูลเชิงลึกที่สามารถยกระดับผลลัพธ์ทั้งสำหรับรายบุคคล และบริษัท จึงทำให้ Augmented intelligence มีแนวโน้มที่จะมาเปลี่ยนวิธีการทำงาน และใช้ชีวิตของเราโดยพื้นฐาน
ตัวอย่างการนำ Augmented intelligence มาใช้งานกับธุรกิจ
การดึงข้อมูลจากเอกสารได้อย่างอัตโนมัติมากขึ้น
งานเอกสารกับธุรกิจนั้นมาเป็นของคู่กัน ยิ่งธุรกิจเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่จำนวนเอกสารที่ต้องจัดการก็มากขึ้นเท่านั้น โดยเทคโนโลยี AI-OCR ได้เข้ามาช่วยให้งานดึง และกรอกข้อมูลจากเอกสารเข้าไปยังระบบงานของธุรกิจนั้นทำได้แบบอัตโนมัติมากขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้ทั้งคน และเวลาเป็นจำนวนมากในการกรอกข้อมูลเข้าไปในระบบ เปลี่ยนจากให้คนทำมาเป็นให้คนตรวจสอบข้อมูลในระบบ AI-OCR ดึงออกมาแทนว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งถือเป็น Augmented intelligence ในรูปแบบหนึ่งที่ทำให้คนสามารถนำระบบ AI มาช่วยลดภาระงานรูทีน ทำให้คนมีเวลาที่จะโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ และงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น
ให้ธุรกิจค้าปลีกระบุจุดคอขวดของร้านค้าได้
ธุรกิจค้าปลีกเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการนำ Augmented intelligence ได้เป็นอย่างมาก โดยที่ Augmented intelligence จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และข้อมูลหน้าร้านเพื่อพัฒนาการขายทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์
การนำ Augmented intelligence มาช่วยแนะนำให้ผู้ค้าปลีกต่างๆ รู้ได้ว่า bottleneck หรือจุดคอขวดนั้นเกิดขึ้นตรงจุดไหนที่อาจจะส่งผลต่อยอดขายได้ หรือควรจัดวางสินค้าอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าเห็นมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับคนว่าจะเปลี่ยนการบริหารจัดการภายในร้านอย่างไรเมื่อพิจารณาจากคำแนะนำของระบบ Augmented intelligence ที่ได้วิเคราะห์ และสรุปไว้ให้
แนะนำการวินิจฉัย และการรักษา
การนำ AI มาใช้กับธุรกิจการดูแลสุขภาพ (Healthcare) นั้นได้มีการพิสูจน์แล้วว่าทำได้ดี เช่นเดียวกันกับการนำ Augmented intelligence มาใช้ เนื่องจากด้วยความสามารถของ Augmented intelligence นั้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์สามารถเรียกดูข้อมูลผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และได้รับข้อมูลเชิงลึก และคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองที่นำทางได้อย่างปลอดภัย
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง (Self-driving car) อาจฟังดูเหมือนไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์คอยควบคุมดูแล แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป ถึงแม้ว่าเป็นซอฟต์แวร์อัตโนมัติจะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้รถยนต์ส่วนใหญ่สามารถนำทางไปตามถนนได้โดยอัตโนมัติ แต่จะมีบางเวลาที่จำเป็นต้องให้คนเข้ามาช่วยดูในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน เช่น มีรถสวนเข้ามาในเลนส์ หรือการเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน
ต้องการนำ Augmented intelligence ไปใช้งานกับธุรกิจของคุณ
Augmented intelligence อาจจะช่วยทำให้หลายคนเบาใจไปได้บ้างว่า AI เองนั้นไม่ได้เข้ามาเพื่อที่จะทดแทนคน แต่เข้ามาช่วยส่งเสริม และเพิ่มศักยภาพการทำงานของเราให้สามารถทำงานที่ได้ใช้จุดแข็งที่เรามีได้อย่างเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงทำให้คนมีเวลาที่จะไปพัฒนาทักษะทางด้านต่างๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย เนื่องจาก Augmented intelligence ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานทำให้คนทำงานได้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำได้มากขึ้น โดย AIGEN เองได้พัฒนาโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เพื่อจะช่วยยกระดับการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจด้วยเครื่องมือ AI ที่จะทำให้ธุรกิจทำงานได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น ที่จะตอบโจทย์สภาพแวดล้อมการแข่งขันในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาโซลูชัน AI ที่จะตัวช่วยสำคัญที่ทำให้พนักงานภายในองค์กรทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่การวางแผน แนะนำโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์กับแต่ละธุรกิจ ไปจนถึงการนำโซลูชัน AI ไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ ติดต่อเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อัจฉริยะ พร้อมช่วยขับเคลื่อนการทำงานของธุรกิจ มีประสบการณ์ให้บริการโซลูชัน AI เพื่อองค์กรระดับประเทศมากมาย