Share

Traditional OCR vs AI-OCR รูปแบบไหนที่ตอบโจทย์ธุรกิจ

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลกับกระบวนการภายในของธุรกิจคุณ AI ได้เข้ามาเป็น Game changer ที่สำคัญในเรื่องนี้ กระบวนการกรอกข้อมูลแบบแมนนวลได้กลายเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว และไม่ตอบโจทย์การทำธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก และรวดเร็ว และได้มีโซลูชัน AI-Powered OCR  หรือการใช้ AI ในการดึงและประมวลผลข้อมูลจากเอกสารได้แบบอัตโนมัติ ที่เข้ามาแทนที่วิธีการกรอกข้อมูลแมนนวลแบบเดิมที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน และลดต้นทุน อีกทั้งมีความแม่นยำ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการทำงานได้เป็นอย่างดี 

เชื่อว่าหลายๆ ธุรกิจคงพอคุ้นเคยกับเทคโนโลยี OCR กันมาบ้างแล้วในเรื่องของการเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการดึง และรู้จำข้อความเอกสาร และรูปภาพได้แบบอัตโนมัติ แต่ OCR ในรูปแบบเดิมนั้นอาจจะยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่เทคโนโลยีในตอนนั้นยังไม่สามารถทำได้ เช่น ต้องมีเตรียมเทมเพลตของเอกสารไว้ล่วงหน้า แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมถึงเมื่อมี AI เข้ามาทำให้ข้อจำกัดของ OCR รูปแบบเดิมที่เคยมีเหล่านั้นหมดไป ช่วยยกระดับการทำ OCR ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้มากขึ้น กลายเป็น OCR รูปแบบใหม่ที่มี AI เป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสำคัญ หรือที่เรียกกันว่า AI-Powered OCR

ในบทความนี้ AIGEN จะพามาทำความรู้จักถึงความแตกต่างของ Traditional OCR กับ AI-OCR กันอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไรบ้าง และธุรกิจควรเลือกใช้ OCR รูปแบบใดที่จะตอบโจทย์ขั้นตอนการทำงานของธุรกิจได้มากที่สุด

ความแตกต่างระหว่าง Traditional ocr VS AI-Powered OCR

OCR คืออะไร

OCR หรือ Optical Character Recognition คือกระบวนการแปลงข้อความที่อยู่ในไฟล์เอกสาร หรือไฟล์รูปภาพ ให้อยู่ในรูปแบบของข้อความที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ รวมทั้งสามารถนำข้อมูลที่ดึงได้จากไฟล์ภาพ และไฟล์เอกสารส่งต่อ และจัดเก็บไว้ในระบบต่างๆ ของธุรกิจได้แบบอัตโนมัติ เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลที่อยู่ในเอกสารไปใช้งานต่อได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น

และเมื่อพูดถึงการดึงข้อมูลจากเอกสารทางธุรกิจ เทคโนโลยี OCR เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ธุรกิจในเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน OCR หรือ Optical character recognition เป็นวิธีที่น่าตื่นเต้นที่ใช้ในการพูดถึงการรู้จำข้อความจากเอกสาร หรือภาพถ่ายเอกสาร และถือเป็นโซลูชันที่ใช้กันมานานในหลายทศวรรษ

Traditional OCR หรือ OCR แบบเดิมทำงานอย่างไร?

Traditional OCR หรือ OCR ในรูปแบบเดิมนั้นจะสามารถดึงข้อความจากเอกสาร หรือรูปถ่ายได้ก็ต่อเมื่อมีการตั้งค่าเทมเพลตหรือรูปแบบของเอกสาร และข้อความที่ต้องการจะดึงออกมาไว้ล่วงหน้า  และข้อความที่ดึงออกมาจะมีความแม่นยำสูงก็ต่อเมื่อเป็นเอกสารที่มีรูปแบบที่แน่นอนตายตัว

นอกจากนั้น Traditional OCR ยังไม่สามารถจัดประเภทของข้อความได้เองโดยอัตโนมัติว่าข้อความนี้เป็นชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งถ้าจะทำให้ OCR รูปแบบเดิมทำงานได้ผลดีจำเป็นจะต้องกำหนดกฎ (rules) เพื่อให้โปรแกรมทำงาน และเทมเพลตรูปแบบเอกสารไว้ล่วงหน้าโดยขั้นตอนเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องมีการกำหนดเทมเพลตใหม่สำหรับเอกสารรูปแบบใหม่ทุกครั้ง

นอกจากนี้ยังมีข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ข้อมูลที่ดึงออกมาจากเอกสารไม่ถูกต้องเนื่องจากไม่มีความยืดหยุ่นในการประมวลผลเอกสารที่แตกต่างออกไปจากเทมเพลตที่มีอยู่เดิม จึงทำให้เทคโนโลยี OCR รูปแบบเดม หรือ Traditional OCR นั้นไม่สามารถทำงานแบบอัตโนมัติได้แบบ Full-loop เนื่องจากมักจะต้องมีการกำหนดกฎ (rule) ใหม่เพื่อที่ดึงเอกสารประเภทอื่นๆ อยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการทำ OCR Invoice ต้องมากำหนดกฎที่ใช้ในการดึงใหม่ เนื่องจากเทมเพลตของ Invoice หรือใบแจ้งหนี้ของแต่ละบริษัทมักจะแตกต่างกันออกไป เป็นต้น 

AI-Powered OCR ยกระดับศักยภาพการทำงานจาก OCR แบบเดิม

เพิ่มศักยภาพ OCR ด้วย AI

เมื่อนำเทคโนโลยี AI เข้ารวมกับ OCR กลายเป็น AI-Powered OCR ทำให้ข้อจำกัดที่ Traditional OCR เคยมีนั้นหมดไป เพราะ AI-Powered OCR นั้นไม่จำเป็นต้องเตรียมเทมเพลต และกำหนดกฎที่ใช้ในการดึงข้อมูลไว้ล่วงหน้า ช่วยทำให้ธุรกิจประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้เป็นอย่างมาก

โดยที่ระบบ AI-OCR สามารถดึงข้อมูลในเอกสารด้วยความแม่นยำสูง และเปลี่ยนข้อมูลในเอกสารทั้งในรูปแบบ Unstructured หรือ Semi-structured ให้อยู่ในรูปแบบข้อมูล Structured ได้ เพื่อให้ระบบสามารถตรวจสอบ และจัดเก็บข้อมูลเข้าไปในไฟล์ตามกระบวนการทำงาน หรือ Workflow ที่ได้ออกแบบไว้ได้ อีกทั้งยังจัดประเภทของข้อมูลได้แบบอัตโนมัติว่าข้อความนี้คือชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หรือจำนวนเงิน เป็นต้น

นอกจากนั้นระบบ AI-OCR ยังสามารถรองรับประเภทเอกสารได้ในหลากหลายรูปแบบโดยไม่จำเป็นต้องมีการออกแบบ และสร้างเทมเพลตเอกสารนั้นไว้ล่วงหน้า เนื่องจากโมเดล AI เองได้เรียนรู้ข้อมูลของเอกสารประเภทต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถอ่านเอกสารในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ดังนั้นเทคโนโลยี AI จึงเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ผลักดันให้เกิดกระบวนการทำ Data-entry ได้แบบอัตโนมัติ (Data-entry workflow automation) ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจบกระบวนการทำงาน ในปัจจุบันหลายๆ องค์กรเริ่มได้เห็นการประมวลผลข้อมูลโดยระบบ AI ที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งแต่ก่อนเรื่องนี้แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าหากมีการใช้เทคโนโลยี OCR เพียงอย่างเดียว

เรียกได้ว่า AI-Powered OCR ถือเป็นซอฟต์แวร์ OCR เวอร์ชันอัปเกรดจาก OCR รูปแบบเดิมที่มีเทคโนโลยี AI มาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจที่มีเอกสารหลากหลายๆ ประเภทที่มีเทมเพลตแตกต่างกัน เช่น ใบแจ้งหนี้ หรือ Invoice ซึ่งเป็นเอกสารที่แต่ละบริษัทจะมีเทมเพลตเป็นของตัวเอง โดยโซลูชัน AI-Powered OCR ตอบโจทย์เอกสารประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถนำเอกสาร Invoice เข้าระบบเพื่อประมวลผล และดึงข้อมูลที่ต้องการจาก Invoice ได้แบบอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างเทมเพลตของเอกสารไว้ล่วงหน้า อีกทั้งยังสามารถกำหนดเป็น Workflow automation โดยระบุได้ว่าหลังจากดึงข้อมูลแล้วจะให้ส่งข้อมูลไปจัดเก็บไว้ที่ใด เช่น ให้จัดเก็บไว้ในระบบ SAP, ERP หรือโปรแกรมอื่นๆ ได้ตามขั้นตอนการทำงานของแต่ละธุรกิจ

สรุปความแตกต่างกันระหว่าง Traditional OCR และ AI-Powered OCR

ไม่ว่าจะเป็น Traditional OCR และ AI-Powered OCR ล้วนแต่นำมาใช้กับธุรกิจได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับโจทย์ และวัตถุประสงค์ของธุรกิจว่าต้องการนำ OCR ไปใช้ดึงข้อมูลในรูปแบบใดจากเอกสารประเภทไหน และจะออกแบบให้ขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างไร โดยที่ AIGEN ได้สรุปข้อแตกต่างที่สำคัญของ OCR แบบเดิม และแบบใหม่ไว้ดังต่อไปนี้

Traditional OCR (OCR รูปแบบเดิม)

  • ต้องมีการกำหนดเทมเพลตของเอกสารไว้ล่วงหน้า
  • ต้องกำหนดกฎ (Rules) ที่ใช้ในการดึงข้อมูลทุกครั้ง
  • เอกสารต้องเป็นแบบ Fix-template หรือเป็นเอกสารที่มีโครงสร้างแน่นอนตายตัว
  • ต้องเผื่อเวลาในการกำหนดเทมเพลต และกฎในการดึงข้อมูลที่ต้องการไว้ล่วงหน้า
  • หากเทมเพลตของเอกสารเปลี่ยนต้องเปลี่ยนเทมเพลต และกฎที่ใช้ในการดึงข้อมูลจากเอกสารใหม่
  • ไม่สามารถจัดประเภทของข้อความในเอกสารได้แบบอัตโนมัติ ว่าข้อความนี้เป็นชื่อ-สกุล ที่อยู่ จำนวนเงิน วันที่ เป็นต้น
  • ไม่รองรับข้อจำกัดของเอกสาร หากตำแหน่งของเอกสารเอียง หรือเลื่อนตำแหน่ง ชิดซ้าย ขวาเกินไป ระบบจะไม่สามารถประมวลผลได้

กล่าวโดยสรุป Traditional OCR เองนั้นเหมาะกับเอกสารที่มีรูปแบบที่แน่นอนตายตัว และไม่ได้เป็นเอกสารที่มีความซับซ้อนมากนัก เช่น ใบแจ้งหนี้ที่มีรูปแบบเดียว ที่จะทำให้การตั้งค่ากฎในการดึงข้อมูลต่างๆ สามารถทำได้แบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวมากนัก รวมทั้งเหมาะกับการดึงข้อมูลจากเอกสารทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องมีการระบุประเภทขอข้อมูลว่าข้อมูลนี้เป็นวันที่ จำนวนเงินรวม ชื่อ-นามสกุล หรือที่อยู่ เป็นต้น 

AI-Powered OCR

  • ไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมเทมเพลต หรือกฎในการดึงข้อมูลไว้ล่วงหน้า
  • รองรับเอกสารที่มีเทมเพลตที่หลากหลาย เช่น ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน หรือเอกสารเฉพาะสำหรับธุรกิจ
  • ดึงข้อมูลจากเอกสารที่มีเทมเพลตที่แตกต่างด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำสูง
  • อัปเดตโมเดล AI อยู่เสมอ ทำให้ยิ่งประมวลผลเอกสารมากเท่าไหร่ ความแม่นยำจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
  • ตอบโจทย์ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติด้วยการกำหนด Workflow automation
  • จัดประเภทของข้อความที่ดึงออกมาได้แบบอัตโนมัติว่าข้อความนี้เป็น ชื่อ-สกุล ที่อยู่ จำนวนเงิน วันที่
  • รองรับข้อจำกัดของเอกสาร สามารถประมวลผลข้อมูลได้แม้ว่าเอกสารจะเอียง เบี้ยว หรือเลื่อนตำแหน่ง

กล่าวโดยสรุป AI-Powered OCR นั้นเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการดึง และประมวลผลข้อมูลจากเอกสารหลากหลายประเภท หรือเป็นเอกสารที่ไม่ได้มีเทมเพลตที่แน่นอนตายตัว เช่น ใบแจ้งหนี้ เอกสารเฉพาะของธุรกิจ เนื่องจากไม่ต้องจัดเตรียมเทมเพลต หรือกฎในการดึงข้อมูลไว้ล่วงหน้า อีกทั้งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการให้ขั้นตอนการทำ Data-entry ของธุรกิจทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้นผ่านทางการกำหนด Workflow automation เพื่อยกระดับการทำงานให้เป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น โดยที่พนักงานเพียงแต่มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น

ความแตกต่างของผลข้อมูลระหว่าง Traditional OCR VS AI-Powered OCR
เปรียบเทียบความแตกต่างของผลจากการดึงข้อมูลของ Traditional OCR VS AI-Powered OCR

3 ตัวอย่างเอกสารยอดฮิตที่นิยมนำ AI-Powered OCR ไปใช้งาน

1. ใบแจ้งหนี้ (Invoice)

ใบแจ้งหนี้ หรือ Invoice เป็นเอกสารยอดฮิตในการนำ AI-Powered OCR ไปใช้ในการดึงข้อมูล เนื่องจากรูปแบบหรือเทมเพลตของใบแจ้งหนี้นั้นมีความแตกต่างกันในแต่ละธุรกิจ และมีรายละเอียดค่อนข้างมาก การนำ AI-OCR มาใช้งานกับการดึงข้อมูลจาก invoice จึงตอบโจทย์ธุรกิจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก AI-OCR สามารถอ่าน และประมวลผลเอกสารที่ไม่มีรูปแบบที่แน่นอนอย่าง Invoice ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องมีการสร้างเทมเพลตไว้ล่วงหน้า โดย OCR Invoice ของ AIGEN รองรับการดึงข้อมูลดังต่อไปนี้ได้

  • เข้าใจโครงร่าง และแพทเทิร์นโดยไม่จำเป็นต้องใช้แบบฟอร์มเฉพาะ
  • จัดประเภทของข้อความในใบแจ้งหนี้ได้แบบอัตโนมัติ เช่น ชื่อผู้ซื้อ-ผู้ขาย ที่อยู่ผู้ซื้อ-ผู้ขาย จำนวนเงินรวม
  • ดึงข้อมูลทั่วไปจากใบแจ้งหนี้ได้
  • ดึงข้อมูลลงตารางได้โดยอัตโนมัติได้
  • ส่งออกข้อมูลเป็นไฟล์ JSON หรือรวบรวมข้อมูลเข้าโปรแกรมเกี่ยวกับบัญชีการเงิน เช่น SAP ได้
  • ส่งข้อมูลเป็น Batch ให้ประมวลผลข้ามคืนได้
ocr ใบแจ้งหนี้
ทดลองใช้งาน AI-Powered OCR Invoice ฟรี ได้ที่ LINK

2. Table extraction

การดึงข้อมูลจากตารางเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ธุรกิจนิยมนำ AI-Powered OCR มาช่วยในการดึงข้อมูล เนื่องจาก AI จะสามารถดึงออกเป็นรูปแบบตารางตามในเอกสารออกมาได้อย่างแม่นยำโดยที่ไม่ต้องสร้างเทมเพลตเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งหากใช้เป็น OCR รูปแบบเดิมจะสามารถดึงแต่ข้อความออกมาได้เท่านั้น 

ocr ตารางข้อมูล
ทดลองใช้งาน AI-Powered OCR Table extraction ฟรี ได้ที่ LINK

3. บัตรประชาชน

บัตรประชาชนถือเป็นเอกสารยอดฮิตในการทำ OCR เนื่องจากหลายๆธุรกิจต้องให้ลูกค้ากรอกข้อมูล หรือยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน โดยในการทำธุรกรรมบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันหลายๆที่จะมีให้ผู้ใช้งานเลือกถ่ายรูปบัตรประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการยืนยันตัวตน โดยหลังจากที่ผู้ใช้งานถ่ายรูปบัตรประชาชนแล้ว AI-OCR จะทำดึงข้อมูลใน field ต่างๆ ในบัตรประชาชนไปกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มให้เรียบร้อย โดย OCR บัตรประชาชนของ AIGEN รองรับการดึงข้อมูลดังต่อไปนี้ได้

  • ระบุชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประจำตัวประชาชนของลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ
  • ตรวจจับลายเซนต์บนบัตรประจำตัวประชาชนได้
  • ตรวจจับการเขียนทับบนเอกสาร (เช่นการเซ็นกำกับ) บนบัตรประจำตัวประชาชนได้
  • ครอปตัดเฉพาะส่วนรูปภาพบนบัตรประจำตัวประชาชนได้
  • อ่านข้อมูลได้แม้ภาพเอียง เบี้ยว กลับทิศทาง หรือมีเงาบัง
  • มีบริการ API สำหรับอ่านเลเซอร์ด้านหลังของบัตรประชาชน
  • ให้ค่าตัวหนังสือตามฟิลด์ที่ต้องการได้
ทดลองใช้งาน OCR บัตรประชาชน ฟรีได้ที่ LINK

aiScript OCR โซลูชัน  AI-Powered OCR จาก AIGEN

AIGEN ได้พัฒนาบริการ aiScript OCR โซลูชันสำหรับประมวลผลเอกสารได้แบบอัตโนมัติ รองรับเอกสารทั้งที่มีรูปแบบแน่นอนตายตัว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน ใบขับขี่ สมุดบัญชีธนาคารและเอกสารที่ไม่ได้มีรูปแบบแน่นอนตายตัว เช่น Invoice หรือใบแจ้งหนี้ เอกสารการเคลมประกัน  ใบสมัคร และเอกสารเฉพาะของธุรกิจ เนื่องจากข้อมูลในเอกสารประเภทต่างๆ โดยเฉพาะใบแจ้งหนี้นั้นมีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงทำให้การนำ AI-OCR มาใช้งานกับการดึงข้อมูลจึงตอบโจทย์ธุรกิจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก AI-OCR สามารถอ่าน และประมวลผลเอกสารที่ไม่มีรูปแบบที่แน่นอนอย่างได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องมีการสร้างเทมเพลตไว้ล่วงหน้า โดย aiScript OCR จาก AIGEN มีสิ่งที่โดดเด่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ได้ดังต่อไปนี้

  • เข้าใจโครงร่าง และแพทเทิร์นของเอกสารโดยไม่จำเป็นต้องสร้างเทมเพลตไว้ล่วงหน้า
  • ดึงข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ และเอกสารประเภทอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ
  • จัดประเภทของข้อความในเอกสารได้แบบอัตโนมัติ
  • ดึงข้อมูลลงตารางได้โดยอัตโนมัติ
  • แยกประเภทของเอกสารได้แบบอัตโนมัติ (Document classification)
  • ส่งออกข้อมูลเป็นไฟล์ JSON หรือรวบรวมข้อมูลเข้าโปรแกรมเกี่ยวกับบัญชีการเงิน เช่น SAP ERP และโปรแกรมอื่นๆ ได้
  • ส่งข้อมูลเป็น Batch ให้ประมวลผลข้ามคืนได้
  • สร้าง Workflow automation เฉพาะของแต่ธุรกิจได้ เพื่อให้ขั้นตอนการทำงานทำได้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนั้น aiScript OCR  จาก AIGEN ยังรองรับข้อจำกัดของเอกสาร โดยที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆได้ แม้ภาพจะเอียง เบี้ยว หรือกลับด้าน รวมถึงรองรับทุกความต้องการของการประมวลเอกสาร สามารถระบุได้ว่าต้องการฟิลด์ข้อมูลใดบ้าง หรือต้องการ output ของข้อมูลในรูปแบบใด

โดยทางทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถ customize ให้ได้ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ และที่สำคัญสามารถเชื่อมต่อกับระบบ หรือซอฟต์แวร์ต่างๆที่ธุรกิจใช้อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็น SAP, Salesforce, Gmail และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ผ่านทาง aiScript OCR API Service หรือสามารถทดลองใช้งาน aiScript OCR ฟรี! ได้ที่ AIGEN Web portal

ต้องการนำ AI-Powered OCR ไปใช้กับธุรกิจของคุณ

โซลูชัน AI-Powered OCR ถือเป็นหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยยกระดับให้ขั้นตอนการทำงานของธุรกิจเป็นแบบอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น ลดภาระงานเอกสารที่แต่เดิมต้องทำแบบแมนนวล ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยขั้นตอนการ Onboarding ที่ทันสมัย เพียงแค่สแกนบัตรประชาชน และถ่ายรูปเซลฟี่ก็สามารถใช้บริการได้ นอกจากจะช่วยประหยัดเวลา และต้นทุนแล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจอีกด้วย

หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาโซลูชัน AI-Powered OCR ไปใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจของคุณ ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบขั้นตอนการทำงาน จนถึงการนำการนำซอฟต์แวร์ AI-OCR ไปใช้งานให้ประสบผลสำเร็จ ติดต่อเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat