Share

AI Trends 2024 : เจาะลึกเทรนด์ AI สำหรับธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2024

ทุกๆ สิ้นปีแน่นอนว่าจะมีการสรุป และรวบรวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจให้ธุรกิจได้ติดตามเพื่อนำไปเป็นไอเดียในการวางแผนกลยุทธ์การทำงานในปีหน้าได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงเทรนด์ AI เช่นกัน ซึ่งในปี 2023 นี้นั้นเรียกว่าเป็นปีของ AI ก็ว่าได้ โดยเฉพาะในเรื่องของ Generative AI ที่เป็น AI ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาใหม่ๆ ได้เอง 

ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือ Generative AI ที่มาแรงที่สุดในปีนี้คงหนีไม่พ้น ChatGPT แชทบอท AI ที่ไม่ว่าคนจะถามอะไรก็สามารถตอบได้นั้นทำให้หลายๆ ฝ่ายรวมถึงภาคธุรกิจตื่นตัวกับความชาญฉลาดของ AI กันมากยิ่งขึ้น และมองหาลู่ทางในการนำความชาญฉลาดของ AI เหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ ในส่วนของปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ก็มีเทรนด์บางอย่างในปี2023 ที่ทางไอเจ็นคาดว่าจะยังคงเป็นขาขึ้นต่อไป และเทรนด์อื่นๆ ที่ไอเจ็นได้รวบรวม และสรุปมาให้จากประสบการณ์จริงที่ได้พูดคุยกับธุรกิจมาพอสมควร ถ้าพร้อมแล้วมาดูเทรนด์ AI ประจำปี 2024 ที่น่าจับตามองกันเลย!

เจาะลึกเทรนด์ AI สำหรับธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2024

7 เทรนด์ AI มาแรงที่ธุรกิจต้องจับตามองในปี 2024

1. Generative AI ที่เป็นมากกว่าข้อความ และรูปภาพ

ในปี 2023 นี้ ไม่มี Generative AI ตัวไหนที่จะมาแรงได้เท่ากับ ChatGPT อย่างแน่นอน ที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก ซึ่ง ChatGPT นั้นเป็น Generative AI ที่โฟกัสในการสร้างคอนเทนต์ที่เป็นข้อความใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบคำถามที่ได้มีผู้ใช้งานสอบถามมา โดยใช้ Large language model (LLM) ที่เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เรียนรู้ลักษณะ โครงสร้าง และความหมายของภาษาที่มีอยู่บนอินเตอร์เน็ต ทำให้ ChatGPT สามารถเลียนแบบในการสร้างคอนเทนต์ใหม่จากการเรียนรู้โครงสร้างภาษาต่างๆ ได้

นอกจากนั้นยังได้มี Tech company ชื่อดังหลายเจ้าที่ได้พัฒนาฟีเจอร์ Generative AI ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Adobe บริษัทซอฟต์แวร์ด้านโปรแกรมการดีไซน์ภาพ และวิดีโอชื่อดังได้พัฒนาฟีเจอร์ชื่อว่า “Prompt Guidance” เพื่อให้ผู้ใช้งานพิมพ์ Prompt หรือคำสั่งเพื่อเปลี่ยนข้อความให้เป็นรูปภาพ และสร้างสรรค์กราฟฟิกได้แบบอัตโนมัติ รวมไปถึง Tiktok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังเองก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Generative AI เพื่อให้ผู้ใช้งานสร้าง Avatars ได้เอง

โดยที่ในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้นั้นเรียกได้ว่าจะเป็นยุคต่อไปของ Generative AI ที่ AI จะสามารถสร้างคอนเทนต์ได้มากกว่าแค่ข้อความ และภาพ นั่นคือ AI จะสามารถสร้างวิดีโอ และเพลงได้เอง ซึ่งเริ่มมีให้เห็นกันบ้างแล้ว และเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ง่ายเลยทีเดียว อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปข้างต้น Adobe เองได้เพิ่มฟีเจอร์ Generative AI ในการสร้างเพลงประกอบวิดีโอ (Soundtrack) หรือเปลี่ยนภาพประกอบในวิดีโอก็สามารถทำได้ รวมทั้งสร้าง effect ประกอบต่างๆ ได้ผ่านการพิมพ์คำสั่ง หรือ prompt นั่นเอง เพื่อให้ขั้นตอนของการตัดต่อวิดีโอทำได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น

ในส่วนของภาคธุรกิจในไทยเองนั้น Generative AI ได้เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นจากการเข้ามาของ ChatGPT ที่ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญกับคนทำงานยุคใหม่ในหลายภาคส่วนไปแล้ว โดยจากการที่ไอเจ็นรับคำถามจากลูกค้าในเรื่องของการนำ ChatGPT ไปใช้งานภายในองค์กรเข้ามาพอสมควร จึงได้คาดการณ์ว่าการนำ ChatGPT มาใช้งานภายในองค์กร โดยเฉพาะกับการนำมาใช้ร่วมกับระบบ AI-Knowledge management เพื่อใช้ในการให้บริการลูกค้านั้นจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เนื่องจากระบบ AI-Knowledge management และ ChatGPT เองนั้นตอบโจทย์ทั้งการทำธุรกิจในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่หากมีคำถามเกี่ยวกับสินค้า และบริการมักจะชอบหาคำตอบเพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเองก่อน ทำให้ธุรกิจที่มีการนำระบบ AI-Knowledge management และ ChatGPT จะสร้างความแตกต่างในการให้บริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี

2. จริยธรรมของ AI (Ethical AI)

ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ AI ที่คนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องนั่นคือเรื่องของจริยธรรมของ AI หรือ Ethical AI เนื่องจาก AI ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์มากขึ้นทุกวัน ซึ่ง AI เองนั้นถือเป็นซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่มนุษย์เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา ดังนั้นคนพัฒนาจึงต้องคำนึงถึงการพัฒนา และการนำ AI ไปใช้งานในทางที่ปลอดภัยมากที่สุด เพราะถ้าหากนำไปใช้งานอย่างไม่ระมัดระวังอาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของอคติของข้อมูล ความไม่โปร่งใส หรือโอกาสที่จะนำมาใช้แทนคนได้เช่นกัน 

และสิ่งหนึ่งที่ไอเจ็นเองได้เน้นย้ำมาตลอดว่า AI เองก็ไม่ได้เพอร์เฟคเช่นเดียวกันกับมนุษย์ ต้องมีการฝึกฝน และเรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อให้การทำงานของซอฟต์แวร์ AI เป็นไปตามมาตรฐานศีลธรรม เราจึงแนะนำธุรกิจต่างๆ อยู่เสมอว่าก่อนที่จะนำข้อมูลที่ได้จาก AI ไปใช้งานนั้น ควรจะมีการเพิ่ม Human loop เข้ามาเพื่อตรวจสอบข้อมูลผลงานของ AI ก่อนจะนำไปใช้งานเสมอ ตัวอย่างเช่น หากเรามีการถามคำถามกับ ChatGPT ไป หลังจากที่ได้คำตอบจาก ChatGPT นั้นจะต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้งานเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้มานั้นถูกต้อง ไม่ได้เป็นเรื่องที่ ChatGPT นั้นแต่งขึ้นเอง และที่สำคัญไม่ได้เป็นข้อมูลที่ติดลิขสิทธิ์ที่ไม่สามารถนำไปใช้งานต่อได้

นอกจากจะต้องตรวจสอบข้อมูลที่ได้จาก AI ก่อนนำไปใช้งานแล้วนั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือก่อนที่จะป้อน หรือใส่ข้อมูลเพื่อให้ AI เรียนรู้ และใช้ในการประมวลผลนั้นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลก่อนทุกครั้งว่าข้อมูลนั้นถูกต้อง และเป็นไปตามหลักศีลธรรมหรือไม่ อย่างน้อยเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิ่งที่ AI จะประมวลผลออกมานั้นจะไม่ขัดกับศีลธรรม และความถูกต้องของสังคม และให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้งานต่อได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย

จริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ethical AI

3. การนำ AI มาใช้ในการให้บริการลูกค้า

Customer service หรือการให้บริการลูกค้าเป็นหนึ่งในหน่วยงานของธุรกิจที่มีการนำ AI เข้ามาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกับบริการ AI นี้กันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ AI Chatbot จากรายงานของ Gartner พบว่า 74% ของธุรกิจได้มีการนำ AI Chatbot มาใช้กับการให้บริการลูกค้าเพื่อยกระดับความพึงพอใจในการให้บริการลูกค้า เรียกได้ว่าการนำ AI Chatbot เข้ามาใช้งานเพื่อช่วยคัดกรองลูกค้า และตอบคำถามลูกค้าได้ในเบื้องต้นแบบเรียลไทม์นั้นได้กลายเป็น New normal สำหรับการให้บริการลูกค้าของธุรกิจยุคใหม่กันไปแล้ว

นอกจากนั้นการนำ AI Chatbot เข้ามาใช้งานกับการให้บริการลูกค้ายังจะช่วยลดงานรูทีนได้เป็นอย่างมาก เช่น คำถามที่ลูกค้ามักจะถามเข้ามาบ่อยๆ หรือสอบถามข้อมูลทั่วไป ซึ่งสามารถให้ AI Chatbot เข้ามาช่วยตอบคำถาม และให้ข้อมูลลูกค้าแทนได้ เพื่อให้พนักงานมีเวลาที่จะโฟกัสกับเคสของลูกค้าที่ซับซ้อน และจำเป็นต้องให้พนักงานเป็นคนช่วยแก้ไขปัญหาให้ 

ซึ่งแน่นอนว่าหากธุรกิจเลือกใช้เป็น AI Chatbot แล้วนั้นหมดห่วงว่าลูกค้าจะรู้สึกว่าบทสนทนาการพูดคุยไม่เหมือนกับคุยกับพนักงาน เนื่องจาก AI Chatbot นั้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural language processing) ทำให้เข้าใจบริบทของคำถาม และตอบคำถามพูดคุยกับลูกค้า หรือผู้ใช้งานได้เหมือนกับพูดคุยกับพนักงาน 

4. AI เข้ามาช่วยคนทำงาน ไม่ได้เข้ามาทดแทนคน

หลายคนอาจจะกลัวว่า AI จะเข้ามาทดแทนมนุษย์ แต่จริงๆ แล้วนั้น AI ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนมนุษย์ได้ แต่จะเข้ามาช่วยให้เราทำงานได้อย่างสะดวก และรวดเร็วได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการทำความเข้าใจว่า AI จะสามารถเข้ามาช่วยในการทำงานอย่างไรได้บ้างนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับธุรกิจในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้สามารถวางแผน กำหนดเป้าหมาย และเลือกโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์กับการทำงานของธุรกิจได้มากที่สุด

ในแง่ของบุคคล AI สามารถช่วยขั้นตอนการทำงานได้ตั้งแต่การช่วยแปลภาษา เขียนร่างอีเมล ร่างเอกสารสัญญา สรุปใจความสำคัญจากข้อมูล จนถึงช่วยโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ด และแก้ไขโค้ดที่ผิด เพื่อให้สามารถพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ให้ได้เร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเราในฐานะคนทำงานเข้าใจว่า AI  จะสามารถช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วได้ขึ้นอย่างไร รวมถึงเข้าใจวิธีการทำงานของ AI จะยิ่งทำให้ช่วยเพิ่มทักษะในการทำงานให้กับเราให้สามารถทำงานได้อย่างโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

สำหรับการนำ AI เข้ามาใช้งานในธุรกิจนั้นไม่ได้ถือเป็นทางเลือก แต่เป็นทางรอดสำหรับธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการยกระดับขั้นตอนการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์กับพฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่ที่ชอบความรวดเร็ว และความสะดวกสบายในการใช้งาน บริการ AI สำหรับธุรกิจมีตั้งแต่การนำ AI มาใช้เพื่อจัดการข้อมูลในเอกสาร AI สำหรับการยืนยันตัวตนออนไลน์ AI แชทบอทสำหรับการให้บริการลูกค้า และ AI สำหรับการค้นหาข้อมูลภายในองค์กร รวมถึงบริการ AI อื่นๆ ให้ธุรกิจได้เลือกไปใช้งานได้ตามเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของแต่ละองค์กร


อ่านบทความ Human vs AI : AI จะมาทดแทนคนได้จริงหรือไม่? เพิ่มเติม

AI เข้ามาช่วยคนทำงาน ไม่ได้เข้ามาทดแทนคน

5. การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Low-Code และ No-Code

เทรนด์ของการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Low-code และ No-code ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสถิติของ Gartner กล่าวว่าการพัฒนาแอพลิเคชันโดยใช้ Low-code platform จะมีมากถึง 65% ภายในปี 2024 ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 

เช่นเดียวกันกับโซลูชัน AI ที่ได้มีการพัฒนาในรูปแบบ Low-code และ No-code เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยอย่างไอเจ็นเองเรามีให้บริการโซลูชัน AI ในรูปแบบของ AI-as-a-Service ซึ่งธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรมก็สามารถนำบริการ AI ของเราไปใช้งานได้อย่างสะดวก และง่ายดาย เพียงแค่เข้าใช้งานผ่านทาง Web portal ของเรา ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสามารถสร้าง Automation workflow ในการดึงข้อมูลจากรูปภาพ หรือไฟล์เอกสารได้เองผ่านทางฟีเจอร์ aiFlow ที่อยู่บน Web portal ของเรา หรือ การสร้างแชทบอทใช้งานได้อย่างง่ายๆ เพื่อตอบคำถามขององค์กรด้วยระบบ AI-Knowledge management

หากธุรกิจต้องการนำไปเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันเราก็ยังมีบริการ AI API Service เพื่อให้ธุรกิจนำไปเชื่อมต่อ และใช้งานฟีเจอร์ AI ได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว โดยที่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องพัฒนาฟีเจอร์ AI เหล่านี้ขึ้นมาเอง ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการ Launch แอปพลิเคชันออกสู่ตลาดของธุรกิจทำได้เร็วมากขึ้น และประหยัดเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชันของธุรกิจได้เป็นอย่างมาก

6. การเติบโตของสายงานด้าน AI

สายงาน AI เรียกได้ว่าเป็นสายงานที่ตลาดกำลังต้องการตัวเป็นอย่างตัวเป็นอย่างมากทั้งในปีนี้ และปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง โดยมีบริษัท Tech หลากหลายแห่งที่เปิดรับผู้ที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine learning ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง Machine learning engineer ซึ่งเป็นคนที่ต้องพัฒนาโมเดล และวิธีการทำงานของ AI Product manager ผู้คิดค้น และพัฒนาฟีเจอร์การทำงานของ AI ที่ต้องทำงานร่วมกับ Machine learning engineer รวมไปถึงตำแหน่งอย่าง Data scientist และ Data engineer ที่เป็นคนคอยพัฒนา และดูแลเรื่องการจัดการข้อมูล และนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อต่อยอดเป็นโมเดล AI และนำไปใช้ในการคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ต้องการในทางธุรกิจได้  

ไอเจ็นเปิดรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน AI และ Machine learning มาร่วมงานกับเรา ดูตำแหน่งงานที่เราเปิดรับได้ที่ LINK

7. พัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุค AI ครองเมือง

ถึงแม้ว่า AI ในปัจจุบันนั้นยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนคนได้ก็จริง แต่คนทำงานที่นำ AI มาช่วยในการทำงานจะเป็นคนที่จะมาแย่งงานคนที่ยังคงทำงานแบบเดิมอยู่นั่นเอง การทำความเข้าใจ และเรียนรู้ถึงวิธีการทำงานของ AI และดูว่าจะนำ AI เข้ามาทำให้การทำงานของเราดีขึ้นได้อย่างไรเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับคนทำงานยุคใหม่ รวมไปถึงรู้ว่ายังมีทักษะตรงไหนที่เราสามารถเรียนรู้เพิ่มได้ เพื่อ Upskill เพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในปัจจุบัน และอนาคต 

ในปัจจุบันหากคนทำงานยุคใหม่สนใจเรียนรู้ทางด้าน AI และ Machine learning นั้น สามารถเรียนผ่านทางคอร์สเรียนออนไลน์ด้าน AI & Machine learning  ได้ไม่ยาก มีทั้งแบบฟรี และแบบมีค่าใช้จ่ายให้เลือกเรียนได้ เพื่อเสริมสร้างทักษะด้าน AI และก้าวให้ทันกับโลกการทำงาน และเทคโนโลยียุคใหม่

พัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุค AI ครองเมือง

ยกระดับให้ธุรกิจเติบโตไปอีกขั้นด้วยโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจ

และนี่ก็คือ 7 เทรนด์ AI สำหรับธุรกิจที่น่าจับตามมองในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถึงตาคุณแล้วว่าจะนำเทรนด์ AI เหล่านี้ไปปรับใช้กันอย่างไรบ้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สร้างความแตกต่าง และเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจให้สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่แต่ละธุรกิจได้กำหนดไว้

หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาโซลูชัน AI ไปใช้งาน เพื่อยกระดับการทำงานให้ทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตไปอีกขั้น ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบ และเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ จนถึงการนำโซลูชัน AI ไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ สนใจพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat