รวม 4 ฟีเจอร์การใช้งาน AI ตอบโจทย์การพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับธุรกิจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความสามารถอันโดดเด่นที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องผ่านการเทรนโมเดล AI ทำให้ AI ยิ่งทำงานได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งจากความต้องการของธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ จึงทำให้ผู้ให้บริการ AI ได้พัฒนาฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละธุรกิจ โดยที่หากธุรกิจใดกำลังพัฒนาโปรดักส์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ต้องการฟีเจอร์ AI ไปใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับแอปพลิเคชันของธุรกิจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพัฒนาฟีเจอร์ AI เหล่านี้ด้วยตนเอง สามารถนำฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่ในตลาดไปใช้เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันได้โดยทันที ทำให้ประหยัดเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชัน และยังได้ฟีเจอร์ AI ไปใช้งานเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และสร้างความแตกต่างให้กับแอปพลิเคชันของธุรกิจได้อีกด้วย
การนำ AI มาใช้กับการพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่
AI จะช่วยเข้ามาช่วยยกระดับให้การพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่ทำได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ตอบโจทย์กับพฤติกรรมผู้ใช้งานยุคใหม่เข้าไปในแอปพลิเคชันทำให้ขั้นตอนทางธุรกิจบางอย่างสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงฟีเจอร์ AI บางฟีเจอร์อาจจะเป็นฟีเจอร์ที่ธุรกิจจำเป็นต้องมี เนื่องจากเป็นข้อบังคับทางกฎหมาย เช่น การยืนยันตัวตนออนไลน์ เป็นต้น แต่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องเสียเวลาที่จะพัฒนาฟีเจอร์ AI เหล่านี้ด้วยตนเอง เนื่องจากมีผู้ให้บริการ AI ที่ได้พัฒนาฟีเจอร์ AI พร้อมใช้งานที่พร้อมให้ธุรกิจนำไปเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันได้โดยทันที ทำให้ธุรกิจสามารถโฟกัสกับ Core features หรือฟีเจอร์หลักของแอปพลิเคชันได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้ประหยัดเวลา และทรัพยากรที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้เป็นอย่างมาก และทำให้ธุรกิจสามารถเปิดตัวแอปพลิเคชันออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้เร็วมากขึ้นเช่นกัน
4 ฟีเจอร์ AI ที่ตอบโจทย์การพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
AIGEN ได้รวบรวม 4 ฟีเจอร์ AI ยอดฮิตที่กำลังเป็นที่ต้องการของธุรกิจที่จะตอบโจทย์การพัฒนาแอปพลิชันของธุรกิจได้อย่างดี และจะช่วยต่อยอดให้แอปพลิเคชันของธุรกิจมีความโดดเด่น และแตกต่างจากแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้เป็นอย่างมาก
1. AI สร้าง workflow การดึงข้อมูลจากเอกสารได้ด้วยตนเอง
ฟีเจอร์ AI-OCR เป็นฟีเจอร์ที่จะทำให้แอปพลิเคชันสามารถดึง และประมวลผลข้อมูลจากเอกสารประเภทต่างๆ ที่ลูกค้าได้อัปโหลดเข้ามาได้แบบอัตโนมัติ โดยลูกค้าเพียงแค่ถ่ายรูปเอกสาร เช่น บัตรประชาชน หลังจากนั้นระบบ AI-OCR จะดึงข้อมูลมากรอกในฟิลด์ที่ต้องการได้แบบอัตโนมัติ ช่วยลดความผิดพลาดของข้อมูลที่อาจจะเกิดขึ้นจากการพิมพ์ผิดได้
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI รวมกับ OCR (Optical Character Recognition) นั้นทำให้ขั้นตอนการทำ Data-entry ทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องสร้างเทมเพลตของเอกสารไว้ล่วงหน้า จัดประเภทของข้อความได้แบบอัตโนมัติว่าข้อความนี้เป็นชื่อ-นามสกุล วันเกิด ที่อยู่ เป็นต้น รวมทั้งยังสามารถแยกประเภทของเอกสาร (Document classification)ได้แบบอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น สำหรับธุรกิจ Digital lending ลูกค้าจะต้องส่งเอกสารต่างๆ เพื่อพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ โดยระบบ AI-OCR ของ AIGEN จะสามารถแยกให้ได้เลยว่าเอกสารใบนี้เป็นบัตรประชาชน ใบนี้เป็นสลิปเงินเดือน และอื่นๆ เพื่อดูว่าลูกค้าส่งเอกสารครบหรือไม่ หากครบแล้วถึงจะไปยังขั้นตอนถัดไป อีกทั้งยังสามารถดึงข้อมูลจากไฟล์ตารางลงตาราง (Table extraction) ได้โดยทันที
รวมถึงอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญของ AI-OCR ที่ทาง AIGEN ได้พัฒนาขึ้นเพื่อทำให้ธุรกิจสามารถทำ Data-entry ได้แบบ End-to-end นั่นคือ Workflow automation โดยที่หลังจาก AI-OCR ได้ดึงข้อมูลจากเอกสารแล้ว ธุรกิจสามารถกำหนด Workflow ได้เองว่าจะส่งต่อข้อมูลที่ AI-OCR ได้ดึงออกมาไปจัดเก็บไว้ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ไฟล์ excel หรือโปรแกรม SAP, ERP, Oracle และโปรแกรมอื่นๆ
Product owner หรือ Product manager ที่สนใจเกี่ยวกับ aiScript OCR บริการ AI-OCR ที่ทาง AIGEN ได้พัฒนาขึ้นสามารถทดลองใช้งานฟรีผ่านทาง AIGEN Web portal หรือผ่านทาง AI API Documentation
2. AI ยืนยันตัวตนออนไลน์ได้แบบอัตโนมัติ
ฟีเจอร์ AI ยืนยันตัวออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญที่จะช่วยยกระดับ และสร้างความแตกต่างให้กับขั้นตอนการ Customer onboarding ของธุรกิจด้วยการทำให้ลูกค้า หรือผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเองผ่านทางแอปพลิเคชันของธุรกิจโดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขา ทำให้ประหยัดเวลา และลดภาระของลูกค้า รวมทั้งทำให้ลูกค้าสามารถสมัครเข้ามาใช้บริการของธุรกิจได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว
AIGEN ได้พัฒนาโซลูชัน AI-Powered e-KYC Gateway เป็นบริการระบบการยืนยันตัวตนออนไลน์สำเร็จรูปพร้อมให้ธุรกิจนำไปเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของธุรกิจที่มีอยู่ได้โดยทันทีผ่านทาง URL ที่จะช่วยลดภาระให้กับธุรกิจที่ต้องเพิ่มฟีเจอร์การยืนยันตัวตนออนไลน์เข้าไปในแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์เพื่อใช้ยืนยันตัวตนลูกค้า เพียงแค่เชื่อมต่อกับระบบ AI-Powered e-KYC Gateway ของเรา ธุรกิจจะสามารถเรียกใช้งานฟีเจอร์การยืนยันตัวตนผ่านทาง URL ของ AIGEN เพื่อส่งให้ลูกค้าไปทำ e-KYC ที่หน้า AIGEN e-KYC Gateway โดยผลการยืนยันตัวตนจะถูกนำส่งให้ธุรกิจนำไปใช้ดำเนินการต่อไป ทำให้ User Journey ของธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น โดยผู้ใช้งานสามารถกลับไปใช้งานในแอปพลิเคชันเดิมต่อได้โดยทันทีหลังจากทำ e-KYC เสร็จ
โดยบริการ AI-Powered e-KYC Gateway นั้นทำให้เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันเพิ่มฟีเจอร์การยืนยันตัวตนได้โดยที่ไม่ต้องพัฒนาโปรแกรมขึ้นเอง และทำให้การยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานบริการต่างๆ ของธุรกิจทำได้แบบอัตโนมัติ โดยที่ลูกค้าสามารถทำการยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ และสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานด้วยบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
3. AI จัดหมวดหมู่คำตอบจากแบบสอบถามได้แบบอัตโนมัติ
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI และ Natural language processing (NLP) ทำให้เกิดเป็นฟีเจอร์ AI จัดหมวดหมู่คำตอบจากแบบสอบถามได้แบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะคำตอบจากแบบสอบถามที่เป็นแบบ Free-text ซึ่งหากต้องใช้พนักงานในการจัดหมวดหมู่คำตอบนั้นต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก และอาจเกิด Bias ของข้อมูลได้ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละคน
AIGEN จึงได้พัฒนาโซลูชัน aiSurvey ซึ่งเป็นฟีเจอร์ AI ที่ช่วยธุรกิจในการวิเคราะห์ข้อมูล และจัดหมวดหมู่คำตอบ Free-text จากแบบสอบถามได้แบบอัตโนมัติ ทำให้ธุรกิจเปลี่ยนความคิดเห็นของลูกค้าเป็นข้อมูลเชิงลึก (Insight) ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ ด้วยการเทรนโมเดล AI ให้อ่านข้อความต่างๆ มามากกว่าล้านข้อความ ทำให้โมเดล AI ของ AIGEN สามารถประมวล และจัดหมวดหมู่คำตอบของลูกค้าได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังสามารถที่จะวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้ตอบแบบสอบถามได้ (Sentiment analysis) ว่าผู้ตอบแบบสอบถามนั้นรู้สึกในเชิงบวก เฉยๆ หรือลบ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปสรุปเป็นแดชบอร์ดที่ธุรกิจสามารถนำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ไปปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างทันถ่วงที
นอกจากนั้นระบบ aiSurvey ยังรองรับแบบสอบถามได้จากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Google form, Microsoft form, Slack หรือ Line ตอบโจทย์ธุรกิจในยุคการสื่อสาร Omni-channel ได้เป็นอย่างดี
4. AI ตอบคำถามลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
แชทบอท AI เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมจากธุรกิจในยุคปัจจุบัน เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถพูดคุย สนทนา และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพัก อีกทั้งยังช่วยคัดกรองลูกค้าให้ในขั้นตอนแรกได้ว่าเคสไหนต้องส่งต่อไปให้พนักงาน หรือเคสไหนที่แชทบอทสามารถดำเนินการให้กับลูกค้าได้โดยทันที ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่ที่ต้องการบริการที่รวดเร็วทันใจ
โดย AIGEN ได้พัฒนา AI-Powered Chatbot หรือแชทบอท AI ซึ่งเป็นแชทบอทขั้น Advance ที่มีเทคโนโลยี AI และ NLP เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างแม่นยำตั้งแต่คำแรกที่ลูกค้าสอบถามมาด้วยการเข้าใจบริบท หรือ context ของคำถาม ซึ่งแตกต่างจาก แชทบอททั่วไปที่จะเข้าใจ หรือจับใจความจากคำที่ลูกค้าสอบถามมา ทำให้อาจต้องมีการถาม-ตอบกันอยู่หลายครั้งกว่าที่ลูกค้าจะได้คำตอบในสิ่งที่ต้องการ จึงทำให้แชทบอท AI ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังสามารถเทรนให้แชทบอท AI เข้าใจถึงคำถามเฉพาะ หรือบริบทเฉพาะของแต่ละธุรกิจได้ เช่น ธุรกิจการเงิน หรือธุรกิจประกันที่จะมีคำศัพท์เฉพาะ เพื่อให้แชทบอทเข้าใจบริบทของคำถาม และคำตอบ ทำให้สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างแม่นยำเหมือนกับลูกค้ากำลังพูดคุยอยู่กับพนักงาน
นอกจากนั้นธุรกิจยังสามารถนำฟีเจอร์แชทบอท AI ไปเชื่อมต่อกับช่องทางการสื่อสารของธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็น Line, Facebook messenger หรือ Slack รวมถึงนำไปเชื่อมต่อกับไซต์เพื่อทำเป็น Live chat ได้ เพื่อใช้แชทบอท AI ในการสร้างปฏิสัมพันธ์ และสื่อสารกับลูกค้าในช่องทางต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ต้องการนำฟีเจอร์ AI เพิ่มศักยภาพให้กับแอปพลิเคชันของคุณ
เรียกได้ว่าการพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่นั้นมีทางเลือกในการนำฟีเจอร์ AI ที่พัฒนาโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้าน AI ไปใช้งานกันได้อย่างง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้นผ่านทางช่องทางต่างๆ ทั้งช่องทาง Web portal ที่ให้ธุรกิจสามารถทดลองใช้งานฟีเจอร์ AI ได้ฟรี และผ่านทาง AI API เพื่อเพิ่มศักยภาพในการใช้งานให้กับแอปพลิเคชันของธุรกิจให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์มีเวลาโฟกัสกับ Core feature ของแอปพลิเคชันได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการที่จะ Launch แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ออกสู่ตลาดทำได้เร็วมากขึ้น ทำให้โอกาสในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจนั้นรวดเร็วมากขึ้นเช่นกัน
Product owner หรือ Product manager ที่กำลังมองหาฟีเจอร์ AI ไปใช้งานกับการพัฒนาแอปพลิเคชันของธุรกิจสามารถพูดคุย และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ AI ของเราได้ที่นี่
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อัจฉริยะ พร้อมช่วยขับเคลื่อนการทำงานของธุรกิจ มีประสบการณ์ให้บริการโซลูชัน AI เพื่อองค์กรระดับประเทศมากมาย