AI Transformation : สร้างธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปอีกขั้นในยุคของ AI
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม ทำให้ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของธุรกิจยุคใหม่อีกต่อไป ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารองค์กร ถ้าธุรกิจไม่สามารถที่จะนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดมีแนวโน้มว่าธุรกิจของคุณอาจจะตามหลังคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้
การเข้ามาของ AI ทำให้ธุรกิจสามารถจัดการขั้นตอนการทำงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ใช้ในการตัดสินใจ ยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้า และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ และในปัจจุบันธุรกิจสามารถเข้าถึงบริการ AI ได้สะดวก และง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยกลยุทธ์ และเครื่องมือ AI ที่ใช่ ทำให้ทุกๆ ธุรกิจสามารถนำ AI มาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต และประสบความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้น ในบทความนี้เราจะมารู้จักกับ AI transformation ที่เป็นการนำ AI เข้ามาผนวกเข้ากับกลยุทธ์ของธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจแตกต่าง และโดดเด่นได้มากขึ้นกว่าเดิม

AI Transformation คืออะไร
AI Transformation เป็นขั้นตอนในการนำ AI และ Machine learning มาใช้ในการยกระดับวิธีการที่ธุรกิจใช้ในการทำงาน และพัฒนากลยุทธ์ โดยการทำ AI Transformation นั้นจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน โครงสร้างองค์กร และบทบาทของพนักงาน โดยทั่วไปแล้วนั้นการทำ AI Transformation นั้นจะใช้เวลา 2-3 ปี และองค์กร หรือธุรกิจจะเริ่มเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนในการนำ AI มาใช้งานในช่วง 6-12 เดือนเป็นต้นไป (อ้างอิงจากรายงาน AI Transformation Playbook ของ LandingAI)
โดย AI Transformation นั้นทำให้ธุรกิจสามารถทำงานที่ต้องทำซ้ำไปมา และงานที่น่าเบื่อให้ทำได้แบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้พนักงานมีเวลาที่จะโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการทำ AI Transformation ยังช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกกับธุรกิจที่ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการการทำงานของธุรกิจ และขั้นตอนการทำงานที่สำคัญได้ โดยที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจด้วยการนำ AI มาใช้ในการยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้า พัฒนาสินค้า และบริการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และทำให้ธุรกิจตัดสินใจได้ดีมากขึ้น
ตัวอย่างการนำ AI Transformation มาใช้งานกับธุรกิจ
- AI Chatbot สำหรับการให้บริการลูกค้าได้ในเบื้องต้นตลอด 24 ชั่วโมง
- การนำ AI-OCR มาใช้สำหรับขั้นตอนการทำ Data-entry ได้แบบอัตโนมัติ เพื่อประหยัดเวลา และลดข้อผิดพลาด
- การนำ Image recognition เข้ามาใช้เพื่อตรวจจับสินค้าที่มีตำหนิในไลน์การผลิต
- การนำ Predictive analytics หรือการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์มาใช้เพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง
- ระบบแนะนำสินค้าและบริการสำหรับลูกค้าแต่ละราย เพื่อเพิ่มยอดขาย และ Customer loyalty
กุญแจสู่ความสำเร็จในการทำ AI Transformation สำหรับธุรกิจเริ่มต้นจากการมีเป้าหมาย และการนำไปใช้งานที่ชัดเจน หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของการประเมินข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเครื่องมือเพื่อตัดสินใจว่าขั้นตอนการทำงานไหนที่เมื่อนำ AI มาใช้งานแล้วจะสร้างผลกระทบให้กับธุรกิจได้มากที่สุด รวมถึงธุรกิจต้องมีการเทรนพนักงานให้เข้าใจ และคุ้นเคยกับเครื่องมือ AI และพูดคุยกันถึงข้อกังวลของพนักงานที่อาจจะกังวลว่า AI จะเข้ามากระทบกับหน้าที่งานในปัจจุบัน การทดสอบ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ธุรกิจได้ประโยชน์สูงสุดเมื่อมีการขยายการใช้งาน AI ไปในวงกว้างทั่วทั้งองค์กรมากยิ่งขึ้น
5 ขั้นตอนการทำ AI Transformation สำหรับธุรกิจ
AI Transformation Playbook จาก Landing AI ที่เขียนโดย Andrew NG ผู้ก่อตั้งบริษัท และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine learning ระดับโลก ได้แนะนำถึง 5 ขั้นตอนในการนำ AI Transformation ไปใช้งานกับธุรกิจ โดยมีรายละเอียดโดยสรุปดังต่อไปนี้
1. เริ่มต้นจากโปรเจกต์นำร่องเพื่อสร้างแรงผลักดัน
การเริ่มต้นจากโปรเจกต์นำร่องที่ประสบความสำเร็จมีความสำคัญมากกว่าโปรเจกต์ AI ที่มีมูลค่าสูง โดยที่โปรเจกต์ AI นั้นควรมีความสำคัญมากพอที่จะช่วยให้ธุรกิจได้คุ้นเคยกับการใช้งาน AI และสามารถใช้จูงใจให้หน่วยงานอื่นๆ อยากจะนำ AI มาใช้ในยกระดับการทำงานได้ รวมถึงโปรเจกต์ AI นำร่องนั้นไม่ควรเป็นโปรเจกต์ที่เล็กเกินไปจนคนอื่นมองเป็นเรื่องเล็กน้อย
โดยที่ลักษณะของโปรเจกต์ AI นำร่องที่ดี มีดังต่อไปนี้
- เป็นโปรเจกต์ที่เปิดโอกาสให้ทีมภายในองค์กรได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ AI หรือ AI Vendor ภายนอก และร่วมกันพัฒนาโซลูชัน AI ได้ภายใน 6-12 เดือน
- เป็นโปรเจกต์ที่เป็นไปได้ในแง่ของธุรกิจ เนื่องจากบางองค์กรได้เริ่มต้นโปรเจกต์ AI ที่ยังไม่สามารถทำได้ด้วยความสามารถของ AI ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยการมีทีม Technical ภายในองค์กรที่คอยช่วยตรวจสอบความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีก่อนที่จะเริ่มโปรเจกต์จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าโปรเจกต์นี้สามารถไปต่อได้
- มีการกำหนดวัตถุประสงค์ และมาตรวัดความสำเร็จในเชิงธุรกิจของโปรเจกต์ไว้อย่างชัดเจน
2. สร้างทีม AI ภายในองค์กร
ถึงแม้ว่าการใช้บริการของทีมผู้ให้บริการ AI ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine learning จะช่วยให้ทีมได้คุ้นเคยกับการนำ AI มาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แต่ในระยะยาวการใช้ทีม AI ภายในในการทำโปรเจกต์ AI จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพได้มากกว่า นอกจากนั้นธุรกิจต้องการที่จะเก็บโปรเจกต์บางอย่างไว้ทำเองภายในบริษัท เพื่อเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ
โดยในยุคของ AI นั้น สิ่งที่สำคัญสำหรับหลายๆ บริษัทนั่นคือการตั้งทีม AI ส่วนกลางที่สนับสนุนทุกหน่วยงานของธุรกิจ โดยที่ทีม AI อาจจะอยู่ภายใต้ CTO, CIO หรือ CDO (Chief Data Officer หรือ Chief Digital Officer) หรืออาจจะอยู่ภายใต้ CAIO (Chief AI Officer) ได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกันไม่ใช่ทุกธุรกิจที่จะมีทรัพยากรที่เพียงพอที่จะสร้างทีมพัฒนา AI ขึ้นมาได้ จึงทำให้การมองหาผู้ให้บริการ AI ที่พัฒนาโซลูชัน AI สำเร็จรูปที่พร้อมใช้งาน หรือที่เรียกกันว่า AI-as-a-Service เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แต่สนใจจะนำ AI มาใช้งานเพื่อยกระดับขั้นตอนการทำงาน โดยที่ไม่ต้องใช้งบลงทุนสูง อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาในการเลือกใช้โซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจ ทำให้มั่นใจได้ว่าการนำ AI ไปใช้งานนั้นจะประสบผลสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ธุรกิจไดตั้งเป้าไว้
อ่านบทความ โซลูชัน AI ธุรกิจควรพัฒนาเอง หรือจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญ เพิ่มเติม

3. มีการเทรนความรู้ด้าน AI ในวงกว้าง
เนื่องจาก AI นั้นยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่ค่อนข้างใหม่ จึงทำให้เป็นไปได้ยากที่แต่ละองค์กรจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางด้าน AI อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้าน AI หาตัวจับได้ยาก แต่ในยุคที่คอนเทนต์ดิจิทัลกำลังเฟื่องฟู จึงทำให้เกิดการเรียนในรูปแบบ MOOCs (Massive Open Online Courses) หรือการเรียนแบบออนไลน์ที่ผู้เรียนสามารถเรียนผ่านทางเว็บไซต์จากที่ใดในเวลาใดก็ได้ เช่น Coursera Udemy และ Youtube ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะ Upskill ด้าน AI ให้กับพนักงานในแต่ละหน่วยงาน โดย AIGEN ได้มีรวบรวมคอร์สออนไลน์ และ BootCAMP ด้าน AI และ Machine learning ที่ให้ธุรกิจที่สนใจจะให้พนักงานมาเรียนเพื่อให้มีความเข้าใจ และวิธีการทำงานของ AI ได้ดีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้นหากธุรกิจต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI มาสอนที่บริษัทถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากธุรกิจจะสามารถออกแบบได้ว่าต้องการให้วิทยากรสอนพนักงานกลุ่มใด กลุ่มผู้บริหารระดับสูง หรือผู้บริหารระดับกลาง รวมไปถึงพนักงาน เพื่อที่จะออกแบบเนื้อหาให้ตอบโจทย์กับพนักงานในแต่ละกลุ่ม อย่าง AIGEN นั้นเรามีบริการ In-house training สำหรับคอร์ส AI For Business ให้กับภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการสร้างความเข้าใจในการนำ AI ไปใช้งานกับธุรกิจได้ดีมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
4. พัฒนากลยุทธ์ด้าน AI
กลยุทธ์ด้าน AI จะช่วยนำทางให้ธุรกิจของคุณไปสู่การสร้างคุณค่าที่จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ เมื่อทีม และหน่วยงานเริ่มเห็นความสำเร็จของการทำโปรเจกต์ AI นำร่อง และมีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งาน AI มากขึ้น จะทำให้ธุรกิจสามารถระบุได้ว่าขั้นตอนการทำงานในส่วนไหนที่สามารถนำ AI ไปสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้มากที่สุด และโฟกัสในการนำทรัพยากรไปใช้ในส่วนนั้นมากที่สุด
ผู้บริหารมักจะคิดว่าขั้นตอนแรกในการนำ AI ใช้งานคือการพัฒนากลยุทธ์ด้าน AI แต่ในขณะเดียวกันธุรกิจจะไม่สามารถพัฒนากลยุทธ์ด้าน AI ได้ จนกระทั่งได้มีประสบการณ์จริงในการใช้งาน AI
โดยที่สิ่งที่ธุรกิจควรคำนึงถึงในการพัฒนากลยุทธ์ในด้าน AI มีทั้งในเรื่องของการพัฒนาสินทรัพย์ด้าน AI ที่เลียนแบบได้ยากที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจที่จะสร้างจุดขายที่แตกต่างให้กับธุรกิจได้ และนำความสามารถของ AI มาพัฒนาเป็น Use case เฉพาะของอุตสาหกรรมของธุรกิจ เช่น AI สำหรับธุรกิจสินเชื่อออนไลน์ที่จะทำให้การพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น
5. สื่อสารทั้งภายใน และภายนอก
เนื่องจาก AI จะเข้ามามีผลกระทบกับธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ธุรกิจจำเป็นต้องมีการสื่อสารให้ผู้มีส่วนส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ของบริษัททราบกันอย่างทั่วถึง เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และทุกคนเข้าใจถึงการนำ AI เข้ามาใช้งานภายในองค์กร ตั้งแต่การสื่อสารกับพนักงานภายในองค์กร หน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ หน่วยงานการสร้างความสัมพันธ์กับภาครัฐ ลูกค้า และผู้ใช้งาน หน่วยงานการจัดหาบุคลากร
ตัวอย่าง Use case ของการทำ AI Transformation
ธุรกิจสถาบันการเงิน
ธุรกิจสถาบันการเงินเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการนำ AI Transformation ไปใช้กันในวงกว้าง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องก้าวให้ทันกับเทคโนโลยี และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โซลูชัน AI ที่สถาบันการเงินนำมาใช้งานนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น AI-Chatbot ที่ช่วยให้ข้อมูลลูกค้า และจัดการธุรกรรมบางอย่างให้กับลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ หรือ AI-OCR ที่ช่วยประมวลผลข้อมูลจากเอกสารทำให้สถาบันการเงินนำข้อมูลจากเอกสารไปใช้งานต่อได้แแบบเรียลไทม์ เป็นต้น
อีกหนึ่งโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์กับสถาบันการเงินโดยเฉพาะ นั่นคือ AI สำหรับการทำ Digital lending ที่จะทำให้สถาบันการเงินสามารถอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าได้อย่างสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จากแต่เดิมที่ต้องใช้พนักงานในการพิจารณาทั้งหมด เปลี่ยนเป็นมาใช้โซลูชัน AI-OCR ประมวลผลข้อมูลจาก Bank statement และให้ AI ประมวลผลร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อตัดสินใจว่าจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่อย่างไร ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ลดภาระงานเอกสารให้กับพนักงาน และที่สำคัญทำให้ลูกค้าได้รับผลการอนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์
ธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถนำ AI Transformation มาใช้งานเพื่อยกระดับขั้นตอนการทำงานได้ เนื่องจากในปัจจุบัน Software developer สามารถเพิ่มฟีเจอร์ AI ให้กับซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันได้อย่างง่ายดายผ่านทาง AI API Documentation ทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์ สามารถเปิดตัวซอฟต์แวร์ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำให้มีเวลาโฟกัสกับการพัฒนาฟีเจอร์สำคัญของซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันได้มากยิ่งขึ้น
หน่วยงานภาครัฐ
หน่วยงานภาครัฐสามารถนำ AI Transformation เข้ามาใช้เพื่อยกระดับขั้นตอนการทำงานได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถเริ่มจาก Use case เล็กๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยภายในหน่วยงานก่อนได้ โดยที่อาจจะเน้นการนำ AI มาใช้เพื่อทำ Process improvement หรือ Anomaly detection หรือการตรวจจับความผิดปกติของการทำธุรกรรมบางอย่าง เช่น กรมสรรพากรสามารถนำ AI มาใช้ในการตรวจจับการโกงภาษี หรือการหนีภาษี และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สามารถนำ AI มาใช้เพื่อตรวจการประกันสุขภาพได้

ประโยชน์ของการทำ AI Transformation
AI Transformation ช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และได้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ โดยประโยชน์จากการทำ AI Transformation มีดังต่อไปนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน : ระบบ AI เข้ามาช่วยให้หน้าที่งานบางอย่างทำได้แบบอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
- ยกระดับการตัดสินใจ : การนำ AI เข้ามาใช้งานทำให้ธุรกิจได้ข้อมูลเชิงลึก (Insight) และคำแนะนำที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และขั้นตอนการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
- ยกระดับการให้บริการลูกค้า : AI ทำให้ธุรกิจสามารถให้บริการได้แบบรายบุคคล และตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้นโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่
- โอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ : AI เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถพัฒนาสินค้า บริการ และโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างรายได้ส่วนเพิ่มให้กับธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
ต้องการทำ AI Transformation
ธุรกิจได้เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจาก Digital transformation สู่ยุค AI Transformation ซึ่ง AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญสำหรับการทำงานของธุรกิจยุคใหม่ ตั้งแต่การทำงานทั่วไปจนถึงการนำ AI มาใช้เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้นำหน้าคู่แข่งที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
หากธุรกิจของคุณสนใจนำ AI Transformation ไปใช้งาน ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน ออกแบบ และนำ AI ไปใช้กับธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ ติดต่อเพื่อพูดคุย และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อัจฉริยะ พร้อมช่วยขับเคลื่อนการทำงานของธุรกิจ มีประสบการณ์ให้บริการโซลูชัน AI เพื่อองค์กรระดับประเทศมากมาย