Share

แนะนำโซลูชัน AI ยอดฮิตที่ตอบโจทย์ธุรกิจแต่ละประเภทในไทย

เทคโนโลยี AI เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่เป็น Game changer สำหรับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็ว และยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น เพื่อปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อม พฤติกรรมลูกค้า และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงในยุคที่ข้อมูลเปรียบเสมือนกับขุมทรัพย์ของการทำธุรกิจ จึงทำให้องค์กรต่างๆหันมาลงทุนกับโซลูชัน AI กันมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามรายงานของ Forbes เมื่อไม่นานมานี้ โดยจากความสามารถอันโดดเด่นของการเรียนรู้เชิงลึกจากข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้ AI จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ทุกองค์กรยุคใหม่ต้องมีถึงจะทำให้องค์กรอยู่รอดได้

ในบทความนี้ AI GEN จะพามาทำความรู้จักกับโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจประเภทต่างๆในรูปแบบใดได้บ้าง เพื่อให้ธุรกิจได้นำเป็นไปไอเดียและริ่เริ่มใช้กับธุรกิจของตนเอง ให้ธุรกิจก้าวทันกับสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจได้นับตั้งแต่วันนี้

การนำโซลูชัน AI เข้ามาใช้กับธุรกิจ

การนำโซลูชัน AI เข้ามาใช้กับธุรกิจนั้นต้องเริ่มต้นจากโจทย์ หรือเป้าหมายทางธุรกิจ หรืออาจจะเป็น pain point ของธุรกิจที่มีอยู่ และต้องการนำโซลูชัน AI เพื่อมาแก้ไขปัญหา pain point นั้นๆได้ เช่นนำ AI มาใช้กับกระบวนการทำงานนี้แล้วจะทำให้องค์กรลดต้นทุนได้มหาศาล หรือสามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กรได้มากขึ้น โดย AI จะเหมาะกับ Task หรือหน้าที่งานที่ต้องทำแบบซ้ำๆไปมา และมีข้อมูลที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น การทำเคลมของประกันต้องใช้พนักงานในการตรวจเอกสารที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะดึงข้อมูลไปประมวลผลต่อ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้จะทำให้ประหยัดเวลาในการทำงานในส่วนนี้ไปได้มาก หรือการใช้แชทบอทในการตอบคำถาม หรือคัดกรองลูกค้าเบื้องต้นก่อนที่จะส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ให้บริการลูกค้า เป็นต้น ซึ่งธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมจะมีโจทย์ทางธุรกิจ หรือเป้าหมายในการนำโซลูชัน AI มาใช้งานที่แตกต่างกันออกไปตามนโยบายขององค์กร ขั้นตอนการทำงาน ความพร้อมขององค์กร รวมถึงสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันเอง ดังนั้นการออกแบบโซลูชัน AI ที่จะนำไปใช้งานในแต่ละองค์กรอาจจะต้องเริ่มต้นจากภายในองค์กรเอง ร่วมกับการหาผู้ให้บริการ AI ที่จะช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการนำ AI ไปใช้งานให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้มากที่สุด อีกทั้งการเตรียมพร้อมขององค์กรก่อนที่จะนำ AI ไปใช้งาน เพื่อให้การนำโซลูชัน AI มาใช้งานสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับธุรกิจ

การนำโซลูชัน AI มาใช้ในธุรกิจ

ตัวอย่างการนำโซลูชัน AI ไปใช้งานกับแต่ละประเภทธุรกิจ

1. ธุรกิจการเงิน และธนาคาร

โซลูชัน AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ลูกค้า และบริษัทสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดย AI ที่นำมาใช้กับธุรกิจการเงิน และธนาคารมีในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่แชทบอทจนถึงการตรวจจับการฉ้อโกง และการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยรายงานของ Insider Intelligence พบว่าสถาบันการเงินกว่า 80% เล็งเห็นถึงประโยชน์ของการนำ AI มาใช้กับธุรกิจ ตัวเร่งที่สำคัญที่จะทำให้สถาบันทางการเงินต่างๆนำโซลูชัน AI เข้ามาใช้งานคือความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การเปิดรับเทคโนโลยีของผู้ใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบต่างๆ โดยสถาบันการเงินที่นำโซลูชัน AI เข้ามาใช้งานจะทำให้กระบวนการทำงานคล่องตัวมากขึ้น และยกระดับการสร้างประสบการณ์การให้บริการลูกค้าให้สามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้ 24 ชั่วโมง โดยโซลูชัน AI ที่ธุรกิจการเงิน และธนาคารสามารถนำมาใช้งานได้มีดังต่อไปนีั

  • AI กับการประเมินเครดิต

เทคโนโลยี AI ทำให้สถาบันการเงินสามารถประเมินเครดิตของผู้ขอสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำได้โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยลง และพิจารณาจากปัจจัยที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ใช้ข้อมูลที่ดีขึ้น และมีข้อมูลสำรอง back up ในการตัดสินใจ การให้คะแนนเครดิต หรือ credit scoring โดย AI นั้นใช้หลักในการพิจารณาที่มีความซับซ้อนกว่าเมื่อเทียบกับการให้คะแนนเครดิตในรูปแบบเดิม โดยระบบ AI ช่วยให้ผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถแยะแยะความแตกต่างผู้สมัครขอใช้บริการสินเชื่อที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูง กับผู้สมัครที่มีเครดิตที่ดี แต่ไม่มีประวัติเครดิตที่เพียงพอ 

เป้าหมายอีกหนึ่งอย่างของการนำ AI มาใช้ในการประเมินคะแนนเครดิตคือ AI หรือการใช้คอมพิวเตอร์นั้นไม่ใช้อคติในการตัดสินใจเหมือนกับการใช้พนักงานในการพิจารณา 

ธนาคารดิจิทัล และแอปพลิเคชันในการปล่อยสินเชื่อใช้อัลกอริทึ่มของ Machine learning ในการประเมินข้อมูลทางเลือก หรือ Alternative data เช่น ข้อมูลการชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อประเมินความสามารถในการกู้ยืมเงินของผู้ขอใช้สินเชื่อ และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้แบบรายบุคคล

  • AI กับการป้องกันการฉ้อโกง

หลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเทคโนโลยี AI ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับการฉ้อโกงทางการเงิน และอนาคตดูเหมือนจะสดใสขึ้นทุกปีเนื่องจาก machine learning ได้พัฒนาตามอาชญกรไซเบอร์ได้ทัน

เทคโนโลยี AI ใช้ได้ผลเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับการป้องกันการทุจริตทางบัตรเครดิตซึ่งมีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากการเติบโตของ e-commerce และการทำธุรกรรมออนไลน์ ระบบการป้องกันการฉ้อโกงจะวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า สถานที่ที่มีการใช้จ่าย และพฤติกรรมการซื้อของ และกระตุ้นให้กลไกระบบรักษาความปลอดภัยทำงานเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างที่ดูผิดปกติ และขัดแย้งกับแพทเทิร์นการใช้จ่ายประจำ

ธนาคารเองก็ได้นำ AI มาช่วยในการเปิดเผย และป้องกันอาชญากรรมทางการเงินประเภทอื่นๆ นั่นก็คือการฟอกเงิน โดยที่ระบบคอมพิวเตอร์จะตรวจจับกิจกรรมทางการเงินที่น่าสงสัย และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบถึงแผนการฟอกเงิน ซึ่ง AI สามารถลดภาระงานในการตรวจสอบได้ถึง 20%

  • AI กับกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ

ผู้นำในอุตสาหกรรมที่มองการณ์ไกลมักจะมองหาการนำระบบ AI มาใช้ในปรับกระบวนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

AI สำหรับการประมวลผลเอกสารแบบอัตโนมัติทำให้หน้าที่งานที่เดิมกินเวลาการทำงานเป็นจำนวนมาก และทำให้ค่าใช้จ่ายโอทีเพิ่มสูงขึ้นสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้ซอฟต์แวร์ AI-Powered OCR สามารถประมวลผลและตรวจสอบข้อมูล และสร้างเป็นรายงานตามตัวแปรที่กำหนด รวมถึงรีวิวเอกสาร และดึงข้อมูลจากเอกสารประเภทต่างๆได้แบบอัตโนมัติ เช่น ฟอร์มการสมัคร บัตรประชาชน สัญญาต่างๆ เป็นต้น

การนำระบบ AI มาใช้สำหรับงานที่ต้องทำแบบซ้ำๆไปมาจะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงาน และทำให้สถาบันการเงินปรับให้พนักงานมาโฟกัสกับกระบวนการทำงานที่จำเป็นต้องใช้คนในการทำงานจริงๆ โดยมีรายงานจาก Ernst & Young ว่าการนำ AI มาใช้สำหรับหน้าที่งานรูทีนนั้นสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 50-70% รวมถึง Forbes ได้เรียกว่าเป็นหนทางไปสู่ Digital transformation

ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสถาบันทางการเงินชั้นนำหลายแห่งในไทยได้ใช้ประโยชน์จากการนำ AI ประมวลผลเอกสารอัตโนมัติมาใช้ร่วมกับการยืนยันตัวออนไลน์ โดยดึงข้อมูลจากบัตรประชาชนมาเทียบกับข้อมูลที่ลูกค้าได้กรอกเข้าไปในระบบเพื่อสมัครใช้บริการทางการเงินต่างๆ รวมถึงการเซลฟี่ใบหน้าเทียบกับรูปถ่ายในบัตรประชาชนเพื่อทำการยืนยันตัวตนได้แบบอัตโนมัติ ยกระดับการทำ customer onboarding ได้เป็นอย่างดี

การนำโซลูชัน AI ไปใช้กับธุรกิจการเงิน และธนาคาร
แนะนำโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจการเงิน และธนาคาร คลิก

2. ธุรกิจประกัน

ธุรกิจประกันเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้มีการนำ AI เข้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประเมินความเสี่ยง ป้องกันการฉ้อโกง และลดข้อผิดพลาดในการทำงาน ทำให้ผู้ให้บริการประกันมีตัวช่วยที่ดีที่ช่วยในการขายประกันที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน รวมถึงในมุมของลูกค้าเองก็ได้ประโยชน์จากการที่บริษัทประกันนำโซลูชัน AI มาใช้งาน ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีเยี่ยม และกระบวนการเคลมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว

  • AI กับขั้นตอนการเคลมที่รวดเร็ว

บริษัทประกันมีหน้าที่ดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าในการเคลมประกันที่เป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่การเข้าถึงการเคลมประกันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย พนักงาน หรือตัวแทนประกันจำเป็นต้องตรวจสอบเงื่อนไขหลายอย่าง และรวบรวมทุกรายละเอียดเพื่อกำหนดว่าลูกค้าจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความพยายาม และอุตสาหะเป็นอย่างมาก ซึ่งโซลูชัน AI สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้

เครื่องมือ machine learning สามารถตัดสินได้ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเคลม และคาดการณ์ถึงค่าใช้จ่ายที่เป็นไปได้ โดยใช้ AI-Powered OCR ในการดึงข้อมูลจากเอกสารการรักษาจากโรงพยาบาลได้แบบอัตโนมัติ รวมถึงวิเคราะห์จากรูปภาพ เซนเซอร์ และข้อมูลในอดีตที่บริษัทประกันมีอยู่ หลังจากนั้นบริษัทประกันสามารถดูผลที่ AI ได้ประมวลผลออกมา และทำเรื่องจ่ายค่าเคลมได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้เป็นประโยชน์ทั้งกับบริษัทประกัน และลูกค้า 

  • AI กับการให้บริการลูกค้าได้แบบเรียลไทม์

แม้แต่ในภาคธุรกิจที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงอย่างธุรกิจประกัน ไม่สามารถปฏิเสธการให้บริการลูกค้าที่ดีได้ เพราะสุดท้ายแล้วคนมักจะเลิกใช้บริการของบริษัทที่ให้บริการไม่ดีนั่นเอง จึงเป็นที่มาทำให้เว็บไซต์ของบริษัทประกันหลายๆบริษัทมีการรวมบริการแชทบอทไว้ในเว็บไซต์ด้วย แชทบอทสามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้ในหลากหลายด้านโดยไม่ต้องพนักงานเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งแชทบอทยังสามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพักเหมือนกับการใช้พนักงาน

ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือในการเข้าถึงบัญชีสามารถส่งข้อความหาแชทบอทในเว็บไซต์ของบริษัทประกัน โดยการมีฟังก์ชันแชทบอทบนเว็บไซต์ทำให้สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ในระยะเวลาอันสั้น ในขณะที่พนักงานให้บริการยังคงมีความจำเป็นในกรณีที่ต้องจัดการกับปัญหาที่มีความซับซ้อน นอกนั้น AI-Powered Chatbot สามารถจัดการให้ได้เกือบทั้งหมด

  • AI ลดความผิดพลาดของพนักงาน

ห่วงโซ่การจัดจำหน่ายในธุรกิจประกันนั้นมีความคดเคี้ยวและซับซ้อน กลุ่มของคนกลางที่ทำการตรวจสอบข้อมูลระหว่างผู้เอาประกัน กับบริษัทประกันทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ และงานที่ต้องทำแบบแมนนวลทำให้กระบวนการทำงานล่าช้า แต่ด้วยโซลูชัน AI สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

ด้วยอัลกอริทึ่มของ AI สามารถลดเวลา และจำนวนข้อผิดพลาดของการส่งต่อข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้ เพียงแค่ล็อกอินเข้าไปในระบบ และอัพโหลดเอกสารที่เป็นไฟล์ PDF เข้าไป บริษัทประกันสามารถลดเวลาในการกรอกข้อมูลเข้าไปในระบบ และทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำมากขึ้นด้วยโซลูชัน AI ประมวลผลเอกสารแบบอัตโนมัติ

การนำโซลูชัน AI ไปใช้กับธุรกิจประกัน
>> แนะนำโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจประกัน คลิก

3. ธุรกิจค้าปลีก

ธุรกิจค้าปลีกเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ก้าวทันกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง การนำโซลูชัน AI เข้ามาใช้งานจะทำให้ผู้ค้าปลีกสามารถยกระดับการสร้างประสบการณ์กับลูกค้า นำเสนอบริการและตอบรับการความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจในยุคของเทคโนโลยี AI และ Big data 

  • AI เปลี่ยนใบหน้าให้เป็น Data

การนำเทคโนโลยี Facial recognition หรือการจดจำใบหน้า มาใช้กับธุรกิจค้าปลีกทำให้ธุรกิจได้ข้อมูล insight มากมาย และนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดในการเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างมาก ดังเช่นที่แบรนด์ Benetton ได้นำมาใช้ โดยการนำเทคโนโลยี Facial recognition มาติดไว้ที่ดวงตาของหุ่นที่โชว์อยู่ที่หน้าร้าน ช่วยทำให้แบรนด์รู้ได้ว่าในแต่ละวันมีลูกค้าเข้าออกร้านมากน้อยเพียงใด รวมถึงช่วงเวลาไหนมีลูกค้าเข้าออกมากกว่าปกติ ทำให้ Benetton ได้ insight ที่ไม่เคยรู้มาก่อน และนำไปปรับกลยุทธ์ทางการขาย และการตลาดในแต่ละสาขา ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น ปรับสินค้าที่โชว์หน้าร้านให้สอดคล้องกับ insight ที่ได้จาก data ว่าในช่วงที่มีโปรโมชั่นแรงๆนั้นมักจะเป็นลูกค้าผู้ชายที่เข้ามาช้อปหนักกว่า อีกทั้งยังพบว่าในช่วงหลังสี่โมงเย็นไปต้นไปมักจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นจำนวนมากแวะเข้ามาซื้อ ทางร้านจึงปรับให้พนักงานที่พูดภาษาจีนได้มาประจำที่ร้านในช่วงเวลานั้นเพื่อให้บริการลูกค้าชาวจีนเป็นพิเศษ เป็นต้น

นอกจากนั้นการนำเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าเข้ามาใช้กับห้างสรรพสินค้ายังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าด้วยการติดตั้งกล้องในช่องทางเข้า-ออกในทุกช่องทาง รวมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า หากกล้องจับได้ว่ามีลูกค้า VIP ที่มียอดซื้อปีละ 10 ล้านเดินเข้าห้างมาเมื่อไหร่ จะมีพนักงานบริการออกไปต้อนรับโดยทันที 

  • AI แชทบอทในการให้บริการลูกค้า

จากการนำแชทบอทเข้ามาใช้งานทำให้เป็นเรื่องที่สะดวกสำหรับธุรกิจมากยิ่งขึ้นที่จะทราบถึงความต้องการของลูกค้า และแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส แชทบอท AI ทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับคอลเลคชั่นใหม่ และแนะนำสินค้าที่คล้ายคลึงกับสินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อ

ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าเคยซื้อกางเกงยีนส์สีดำ แชทบอทสามารถนำเสนอสิ่งที่สามารถจับคู่กับกางเกงยีนส์สีดำได้เพื่อให้ลุคนี้เป็นลุคที่สมบูรณ์ 80% ของแบรนด์ทั่วโลกได้มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งาน หรือกำลังจะนำแชทบอทมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้

การนำแชทบอทมาใช้ในเว็บไซต์ และในร้าน หรือชอปเองนั้นกลายเป็นว่าสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่ลูกค้าพบเจอที่หน้าร้าน เช่น ราคาสินค้าชิ้นนี้เท่าไหร่ เป็นต้น Tommy Hilfiger และ Burberry รวมถึงแบรนด์เล็กๆอื่นๆได้มีการนำแชทบอทมาใช้งานเพื่อช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาได้ดูสินค้าคอลเลคชันใหม่ได้

  • AI กับการจัดประเภทสินค้า และการบริหารสินค้าคงคลัง

ด้วยเทคโนโลยี AI ร่วมกับอัลกอริทึ่มอื่นๆของ machine learning สามารถช่วยให้ร้านค้าดูแล และตรวจสอบประเภทของสินค้าเพื่อที่จะแนะนำพนักงานในร้านให้สามารถหาสินค้านั้นๆได้ง่ายมากยิ่งขึ้นแทนที่จะต้องเสียเวลาค้นหาสินค้า

อีกทั้งยังสามารถใช้ได้ในเรื่องของการมีรูปของสินค้าติดไว้เพื่อเป็นไอเดียที่ตั้งของสินค้าเดียวกันพร้อมรายละเอียด ราคาและขนาดที่มีจำหน่าย ซึ่งไม่เพียงช่วยประหยัดเวลาเท่านั้น แต่ยังจะช่วยในเรื่องการรับสินค้าคงคลังไปยังร้านค้าได้แบบเรียลไทม์เพื่อนำไปเก็บในสต็อกที่จำเป็นต้องมีในแต่ละวันเพื่อเวลามีลูกค้าถามถึงสินค้านี้ก็สามารถหยิบขายได้ในทันที

สิ่งนี้สามารถช่วยให้ร้านค้าปลีกสามารถรวบรวมสินค้าคงคลังทั้งหมดที่ต้องมีไว้เพื่อพร้อมขายได้อย่างทันท่วงที การเก็บสต็อคในร้านค้าปลีกมีความสำคัญเนื่องจากลูกค้าต้องมีค่าเสียเวลาในการเดินทางมาซื้อของถึงที่ร้านนั่นเอง

การนำโซลูชัน AI มาใช้กับธุรกิจค้าปลีก

4. ธุรกิจบริการ

เมื่อความต้องการในการพัฒนาประสบการณ์การให้บริการลูกค้าแบบรายบุคคลเติบโตมากขึ้น ธุรกิจจึงได้นำโซลูชัน AI มาใช้งานเพื่อช่วยในการเติมช่องว่างในส่วนนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ได้ยกระดับให้การทำงานในองค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะงานในด้านบริการ การนำแชทบอทมาใช้กับงานการให้บริการลูกค้าถือเป็นแนวหน้าในการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น machine learning และระบบเสียงตอบกลับอัตโนมัติก็ได้สร้างตัวอย่างใหม่สำหรับสิ่งที่ลูกค้า และพนักงานคาดหวัง และ AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญสำหรับธุรกิจบริการในอนาคต

  • AI แชทบอทในการให้บริการลูกค้า

หนึ่งในรูปแบบที่พบเห็นในการนำโซลูชัน AI มาใช้กับงานบริการบ่อยที่สุด คือแชทบอท ธุรกิจได้มีการนำแชทบอทมาใช้เพื่อจัดการกับคำถามที่ลูกค้ามักจะถามบ่อยๆ เช่น วันจัดส่งสินค้า ยอดค้างชำระ สถานะคำสั่งซื้อ หรือข้อมูลอะไรก็ตามที่สามารถดึงจากระบบข้อมูลภายในขององค์กรได้ โดยการเปลี่ยนมาใช้แชทบอทในการตอบคำถามที่พบบ่อย หรือ FAQ ทำให้หน่วยงานให้บริการสามารถช่วยลูกค้าที่จำเป็นต้องคุยกับพนักงานได้มากขึ้น และยกระดับประสบการณ์การให้บริการในภาพรวมให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในการจัดการโดยรวมองค์กรลงได้ 

  • AI กับการสร้างประสบการณ์แบบรายบุคคล

จากผลการสำรวจ 71% ของลูกค้าต้องการความสามารถที่ทำให้พวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง โซลูชัน AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยระบบ AI จะช่วยทำการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า และตัวชี้วัดหลัก และแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าโดยใช้ข้อมูลที่ลูกค้าเคยค้นหาในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน AI สามารถที่จะวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมาก และสรุปข้อมูลที่ต้องการออกมาได้ เช่น สภาพอากาศ สถานที่ เป็นต้น และแนะนำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าได้ โดยการสร้างตัวแทนของกลุ่มลูกค้า (customer persona) ขึ้นมาทำให้ธุรกิจสามารถโฟกัสกับรูปแบบการซื้อของลูกค้าแต่ละคนได้ และเข้าใจลูกค้าแต่ละคนได้ดีมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้ธุรกิจสามารถส่งข้อมูล หรือคอนเทนต์ที่ตรงกับลูกค้าแต่ละคนในเวลาที่ลูกค้าต้องการได้ผ่านช่องทางการสื่อสารที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ลูกค้าสามารถหาสิ่งที่ตัวเองต้องการได้โดยที่ไม่ต้องโทรไปที่ศูนย์ให้บริการลูกค้า

  • AI กับการวิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้า

การใช้ sentiment analysis หรือการวิเคราะห์ความรู้สึกเพื่อที่จะวิเคราะห์ และระบุว่าลูกค้ากำลังรู้สึกอย่างไรเริ่มเป็นสิ่งที่พบเห็นกันมากขึ้นกับการให้บริการลูกค้า เครื่องมือบางตัวสามารถทำได้ถึงขั้นว่าตรวจจับได้ว่าลูกค้ากำลังโกรธ และส่งแจ้งเตือนไปยังหัวหน้าทีมที่ดูแลในเรื่องนั้นๆ เพื่อให้เข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือในการเก็บเสียงของลูกค้า การวิเคราะห์ความรู้สึกสามารถทำให้เห็นภาพรวมของความพึงพอใจของลูกค้าที่เที่ยงตรงได้มากขึ้น

5. หน่วยงานภาครัฐ

AI มีศักยภาพในการปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐได้เป็นอย่างมาก และช่วยตอบสนองความต้องการของประชาชนในรูปแบบใหม่ ตั้งแต่การจัดการจราจร การส่งมอบบริการด้านสุขภาพ ไปจนถึงการประมวลผลแบบฟอร์มภาษี รวมถึงการนำโซลูชัน AI ไปประยุกต์ใช้กับหน่วยงานภาครัฐนั้นกว้างขวางและเติบโตมากขึ้น พนักงานในหน่วยงานภาครัฐได้ใช้ AI เพื่อช่วยพวกเขาในการจ่ายเงินสวัสดิการ และการตัดสินใจด้านการย้ายถิ่นฐาน ตรวจจับการฉ้อโกง วางแผนโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ตอบคำถามประชาชน ตัดสินการพิจารณาคดีประกันตัว พิจารณาคดีการดูแลสุขภาพ และสร้างเส้นทางการทำงานของโดรน

  • AI กับการจัดการงานเอกสาร

หน่วยงานภาครัฐหลายๆหน่วยงานหมดเวลาจำนวนมากไปกับการประมวลผลเอกสาร และคีย์ข้อมูลแบบแมนนวลเข้าในระบบและฐานข้อมูล ตัวอย่างเช่น เอกสารการเคลมของประกันสังคม และใบสมัครในการขอความช่วยเหลือต่างๆ ทำให้หน่วยงานภาครัฐต้องใช้คนในการีวิวเอกสารเหล่านี้มากกว่า 7 หมื่นฉบับต่อเดือน

ดังนั้นการมีระบบ IT ที่มีความสามารถในด้านการวิเคราะห์ และทำให้การตรวจสอบเอกสารทำได้ง่ายมากขึ้นจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้กับหน่วยงานภาครัฐได้ จึงเป็นที่มาของการนำเอาระบบ AI ที่ประมวลผลเอกสารได้แบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งาน เพื่อให้การจัดการข้อมูลในเอกสารประเภทต่างๆทำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และอัตโนมัติ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาโฟกัสกับหน้าที่งานอื่นมากยิ่งขึ้น

  • AI กับการป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ

โรคระบาดที่แพร่ออกไปในเมืองต่างๆ กับโรคระบาดที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างทั่วโลกเป็นสิ่งที่ท้าทายประชากรโลกมาโดยตลอดด้วยการแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วกว่าที่รัฐบาล และโรงพยาบาลต่างๆจะสามารถวิจัย และคิดค้นวิธีการป้องกันและวิธีรับมือโรคระบาดเหล่านี้ได้ โรคระบาดโควิด-19 ได้สร้างความเร่งด่วนให้กับบริการสาธารณสุขของแต่ละประเทศในการต่อสู้กับการระบาดของโรค และวิกฤตทางสุขภาพอื่นๆผ่านแนวทางการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

การนำระบบ AI มาใช้ทำให้สามารถหาแพทเทิร์น ผลกระทบ และทางเลือกในการบรรเทาปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข ทำให้ช่วยลดการแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิม โดยการใช้แนวทางการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาประเมินความเสี่ยง รวมทั้งทำการสำรวจทางวิชาการเพื่อสร้างความรู้ที่จำเป็น และเร่งการพัฒนากลยุทธ์และทางออกที่จะยับยั้งโรคระบาดได้

อีกทั้งสามารถนำ AI มาใช้ในการทำความเข้าใจสาเหตุ และผลกระทบของสภาพอากาศที่แปรปรวนได้อย่างลึกซึ่งมากขึ้น โดยการใช้การวิเคราะห์เชิงทำนาย, computer vision, machine learning และโมเดลการจำลองจะช่วยติดตาม และคาดการณ์ผลกระทบของสภาพอากาศที่แปรปรวนที่จะส่งผลต่อรูปแบบของสภาพอากาศ อนามัยสิ่งแวดล้อม และการปล่อยมลพิษของมนุษย์ได้

  • AI กับการจัดการปัญหาสังคม

ปัญหาคนเร่ร่อน การติดยา และสุขภาพจิตเป็นปัญหาพบได้อย่างแพร่หลาย และเป็นปัญหาที่จะทำให้คุณภาพของชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแย่ลง และต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นพิเศษ ในอดีตผู้ออกกฎหมาย หรือนโยบายที่รับผิดชอบในเรื่องนี้เน้นไปที่การจัดทำนโยบายสังคมที่เน้นการบรรเทาทุกข์หลังจากปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากการคิดค้นแบบจำลองการคาดการณ์ทำให้ผู้กำหนดนโยบายนำวิธีการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาใช้มากขึ้นเพื่อช่วยทำให้เข้าใจปัจจัยเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น และปรับนโยบายให้สอดคล้องกับข้อมูลนั้นๆ โดยการนำระบบ AI และการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์ และคอมพิวเตอร์มาทำให้สามารถทำนายความเสี่ยงด้านที่อยู่อาศัย และการขาดแคลนอาหาร ปัญหาการติดยาเสพติด และสุขภาพจิต ยกระดับการกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

การนำโซลูชัน AI ไปใช้ในหน่วยงานภาครัฐ
แนะนำโซลูชัน AI สำหรับหน่วยงานภาครัฐ คลิก

ยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานด้วยโซลูชัน AI

โซลูชัน AI ถือได้ว่าเป็น Game changer สำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบัน ด้วยความสามารถอันชาญฉลาดที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และแบ่งเบาภาระหน้าที่งานรูทีนที่ต้องทำซ้ำไปซ้ำมา ทำให้พนักงานมีเวลาที่จะโฟกัสกับงานที่สร้างรายได้ให้กับองค์กรได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยในการประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเทคโนโลยี AI ไม่ได้เป็นสิ่งที่ธุรกิจในยุคปัจจุบันเพียงแค่ต้องมี (Nice to have) แต่จำเป็นต้องมี (Must have) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

หากธุรกิจของคุณต้องการนำโซลูชัน AI ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับองค์กรแบบก้าวกระโดด ผู้เชี่ยวชาญของ AI GEN ยินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่การเริ่มต้นวางแผนการนำ AI มาใช้งานจนถึงการนำ AI ไปใช้ให้ตอบโจทย์ธุรกิจ และประสบผลสำเร็จ สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญติดต่อเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat