Share

5 เหตุผลที่ธุรกิจยุคใหม่ควรเลือกใช้โปรแกรม AI-OCR

เทคโนโลยี OCR หรือการแปลงข้อความที่อยู่ในไฟล์เอกสาร หรือไฟล์ภาพต่างๆ ให้เป็นตัวอักษรที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจ และนำไปใช้งานต่อได้นั้นได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับการทำธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยอำนวยความสะดวกให้กับขั้นตอนการทำ Data-entry หรือการกรอกข้อมูลจากเอกสารเข้าไปในระบบขององค์กรให้ทำได้อย่างสะดวก และรวดเร็วได้มากยิ่งขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่างทำให้โปรแกรม OCR รูปแบบเดิมอาจจะไม่ตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจยุคใหม่อีกต่อไป เนื่องจากโปรแกรม OCR แบบเก่านั้นจะทำงานได้ดี และแม่นยำกับเอกสารที่มีรูปแบบ หรือเทมเพลตที่ตายตัวเพียงเท่านั้น และต้องมีการตั้งค่าเทมเพลต หรือรูปแบบของเอกสาร และข้อความที่ต้องการจะดึงออกมาไว้ล่วงหน้าถึงจะสามารถทำงานได้ และหากมีการเปลี่ยนเทมเพลตของเอกสารจะต้องสร้างเทมเพลตของเอกสารใหม่ รวมทั้งต้องต้องกำหนดกฎ (rules) ใหม่ทุกครั้ง แต่ข้อจำกัดเหล่านี้จะหมดไปด้วยโปรแกรม AI-Powered OCR หรือเรียกสั้นๆ ว่า AI-OCR ที่มีเทคโนโลยี AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ OCR รูปแบบเดิมที่จะช่วยยกระดับขั้นตอนการทำ Data-entry ของธุรกิจสามารถทำได้แบบอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น  ในบทความนี้ AIGEN จะมาอธิบายถึง 5 เหตุผลว่าทำไมธุรกิจยุคใหม่ควรเลือกใช้โปรแกรม AI-OCR มากกว่าโปรแกรม OCR ทั่วไป

5 เหตุผลที่ธุรกิจควรเลือกใช้โปรแกรม AI-OCR

5 เหตุผลที่ธุรกิจควรเลือกใช้โปรแกรม AI-Powered OCR

AIGEN ได้รวบรวม 5 เหตุผลสำคัญว่าทำไมธุรกิจถึงควรเลือกใช้โปรแกรม AI-Powered OCR เพื่อให้ธุรกิจได้ใช้เป็นแนวทางประกอบในการมองหาโปรแกรม AI-OCR ไปใช้งาน

1. ความฉลาดในการเข้าใจบริบทของข้อมูลในเอกสาร

ai-ocr อ่านบัตรประชาชน

โมเดล AI สามารถวิเคราะห์เค้าโครงของเอกสารเพื่อให้เข้าใจบริบทของข้อความได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น สามารถจำแนก หรือค้นหาตำแหน่งของข้อความที่เราต้องการจากเอกสารแต่ละประเภท และแยกแยะบริบท ความหมาย ความแตกต่างของข้อความที่เป็นชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน วันที่ หรือจำนวนเงินรวม ซึ่งในแต่ละประเภทของเอกสารอาจมีหรือไม่มี และใช้แตกต่างกันออกไป แม้แต่โครงสร้างตารางก็สามารถเข้าใจ และดึงข้อมูลมาใช้ได้ในรูปแบบที่มนุษย์เองเข้าใจ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆ สามารถนำข้อมูลไปใช้งานต่อได้

นอกจากนี้ โมเดล AI ยังสามารถเข้าใจความหมายของคำ และวลีในเอกสารได้ บวกกับความเข้าใจด้านภาษาที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำได้ในเวลาที่ภาพอักขระบางส่วนมีความไม่ชัดเจนจากคุณภาพของไฟล์รูปถ่าย หรือสำเนา

2. ความยืดหยุ่นในการรับมือกับภาพเอกสารแต่ละประเภทที่มีรูปแบบที่แตกต่างกัน

AI-OCR มีความสามารถในการดำเนินการทำความเข้าใจเอกสาร และแยกข้อมูลโดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องสร้างเทมเพลตของแต่ละรูปแบบด้วยตนเอง เช่น ใบแจ้งหนี้ที่แต่ละบริษัทมีหน้าตาที่ไม่เหมือนกัน หรือแม้แต่บัตรประจำตัวประชาชนที่อาจมีหลายรุ่น แทนที่จะต้องใช้เทมเพลตที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โมเดล AI-OCR จะใช้วิธีเรียนรู้เค้าโครง และโครงสร้างของเอกสารชนิดหนึ่งจากการฝึกอบรมชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของเอกสารนั้น ที่ทำให้สามารถระบุองค์ประกอบหลัก และโครงสร้างที่เหมือนกันในเอกสารประเภทนั้นๆ ซึ่งทำให้เมื่อเวลามีเอกสารชนิดเดียวกัน แต่เป็นเทมเพลตไม่เหมือนกับที่เคยใช้ หรือพบมาก่อน AI-OCR ก็ยังสามารถค้นพบ และดึงข้อมูลที่ต้องการได้เช่นเดิม ผิดกับการสร้างเทมเพลตแบบเดิมๆ ที่จำเป็นต้องสร้างใหม่ทุกครั้งที่มีรูปแบบเอกสารใหม่เข้ามา ด้วยการขจัดความจำเป็นในการสร้างเทมเพลต AI-OCR สามารถลดเวลา และทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการที่ผู้ใช้ต้องมาสร้างใหม่ทุกครั้ง นอกจากนี้ความสามารถนี้ยังรวมไปถึงการรับมือกับภาพถ่ายที่อาจมีความเอียง  ขนาดที่ไม่เหมือนกันจากระยะการถ่าย แสงเงาที่ไม่ดี ซึ่ง AI-OCR ก็สามารถรับมือได้อย่างหลากหลายเช่นกัน หากได้รับการฝึกสอนจากตัวอย่างในลักษณะคล้ายกันมาก่อน

3. ความสามารถที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ กับทุกการใช้งาน โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยน Logic หรือโค้ด

เมื่อมีภาพเอกสารใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนเข้ามา AI-OCR ที่ได้รับการฝึกสอนมาก่อนสามารถทำงานได้ตามหลักความฉลาดที่สามารถยืดหยุ่นรับมือกับสิ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนได้เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม การนำคำตอบที่ถูกต้องที่สุดของเอกสารใหม่นั้น ไปฝึกสอน AI-OCR เพิ่มเติมก็จะทำให้ความสามารถในการทำงานของเจ้า AI-OCR ตัวนั้น ดียิ่งๆขึ้นไป โดยกระบวนการนี้ สามารถทำให้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นได้อย่างกึ่งอัตโนมัติ และทำซ้ำๆ ได้ตลอด ในขณะที่การทำงานแบบ “ad-hoc” หรือ การเขียนโค้ด หรือ logic เฉพาะกิจเพื่อแปลงผล OCR ทั่วไปแบบเดิมๆ ให้นำไปใช้งานได้ หรือ แม้แต่การดึงข้อมูลจาก text embedding ในไฟล์ PDF เอง หากต้นทางผู้สร้างเอกสาร มีการเปลี่ยนรูปแบบ หรือ ฟอร์แมตในองค์ประกอบของไฟล์ เช่น เปลี่ยน font เปลี่ยนการใช้ภาพแทน text หรือเปลี่ยนฟอร์แมตของ data structure ที่โค้ดเดิมเข้าใจแม้แต่นิดเดียว การทำงานก็จะทำได้ไม่เหมือนเดิม และจะต้องมาแก้ไข รื้อใหม่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดความผิดพลาด และมีความยุ่งยาก ต่างจากกระบวนการของ AI-OCR ที่ใช้กระบวนการเดิมๆ เดียวกันได้ในการฝึกสอน AI-OCR ให้ทำงานได้ดีขึ้น และไม่ถูกกระทบด้วยฟอร์แมตที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย หรือไม่กระทบเลยหาก embedding ใน PDF นั้นเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับมนุษย์

เช่นเดียวกัน กระบวนการนี้สามารถนำไปใช้งานได้กับเอกสารชนิดต่างๆ ได้โดยไม่จำกัด ทำให้การสร้าง AI-OCR สำหรับเอกสารชนิดใหม่ทำได้ง่ายในเวลาไม่นาน ต่างจากการใช้ OCR ทั่วไปที่มีการเขียน logic เพิ่มเติมเพื่อหาข้อความที่ต้องการ ที่ต้องมานั่งเขียน ทำใหม่กับทุกชนิดเอกสาร ซึ่งมีข้อจำกัด และทำให้การขยายไปเอกสารชนิดใหม่ทำได้ยากขึ้น

4. การจัดการคำผิด และความฉลาดที่มากกว่าตัวหนังสือ

หลายครั้งที่เอกสารมีข้อความประเภทที่คาดเดาได้จากภาษา หรือฐานข้อมูล ด้วยความที่ AI-OCR สามารถเข้าใจประเภท หรือบริบทของข้อความที่ดึงมาได้ ทำให้การแก้คำผิดสามารถทำได้แม้พิมพ์หรือเขียนมาผิด หรือจากการที่ OCR เองอ่านผิดพลาด เช่น ที่อยู่ที่มีข้อมูลเรื่องชื่อถนน ตำบล อำเภอ และจังหวัดที่ตายตัว ชื่อยี่ห้อรถยนต์ในเอกสารสมุดจดทะเบียนรถยนต์ หรือกรมธรรม์ประกันรถยนต์ ชื่อยาในใบรายการยา เป็นต้น ซึ่ง OCR ทั่วไปที่ไม่รู้บริบทของข้อความไม่สามารถทำได้แม้จะมีฐานข้อมูลในมือ เนื่องจากการอ่าน OCR มาผิด ทำให้เทียบหาคำหรือข้อมูลที่ต้องการไม่เจอ (ซึ่ง OCR ทั่วไป ที่มีการเขียนโค้ดครอบทับเพื่อหาสิ่งที่ต้องการจากฐานข้อมูลคำที่มองหา เช่น หา keyword หรือหาคำที่เป็นที่อยู่ มักจะผิดพลาดเช่นนี้ เพราะการอ่าน OCR ที่ไม่แม่นยำแต่แรก หรือการหาเลขประจำตัวโดยดูจากจำนวนหลักที่คาดหมาย ก็เกิดความผิดพลาดได้หากมีตัวเลขลักษณะเดียวกันในเอกสารนั้น) และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ AI-OCR สามารถรับมือภาพที่เบลอ ตัวหนังสือที่อ่านยากได้ดีกว่า OCR ทั่วไปด้วย

5. การแยกแยะ และตรวจสอบประเภทของเอกสาร

ai-ocr แยกประเภทเอกสารได้แบบอัตโนมัติ

นอกจากการอ่านข้อมูลตัวหนังสือให้ถูกต้องแล้ว AI-OCR ยังสามารถแยกแยะเอกสารหลายๆ ประเภทออกจากกัน หรือทำการยืนยันว่าเอกสารที่กำลังอ่านอยู่เป็นเอกสารที่ต้องการจริงหรือไม่ เพื่อการจัดระเบียบชื่อ และการจัดเก็บไฟล์ หรือเพื่อการยืนยันว่าเอกสารที่ได้รับสมบูรณ์ตรงตามความต้องการของธุรกิจจริงๆ

aiScript โปรแกรม AI-Powered OCR โดยคนไทยที่คิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจไทยโดยเฉพาะ

aiScript โปรแกรม AI-OCR สำหรับธุรกิจยุคใหม่

AIGEN ได้พัฒนา aiScript บริการ AI-Powered OCR โซลูชันสำหรับประมวลผลเอกสารได้แบบอัตโนมัติ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจในการจัดการข้อมูลจากเอกสาร ลดภาระพนักงานจากการทำงานแบบแมนนวล ยกระดับขั้นตอนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญที่รองรับทุกความต้องการของธุรกิจยุคใหม่ อีกทั้งรองรับเอกสารทั้งที่มีรูปแบบแน่นอนตายตัว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน ใบขับขี่ สมุดบัญชีธนาคารและเอกสารที่ไม่ได้มีรูปแบบแน่นอนตายตัว เช่น Invoice หรือใบแจ้งหนี้ เอกสารการเคลมประกัน  ใบสมัคร และเอกสารเฉพาะของธุรกิจ มาพร้อมกับแพ็คเกจให้ธุรกิจได้เลือกใช้ทั้งแบบรายเดือน และรายปี อีกทั้งมีให้บริการทั้งแบบ On cloud และ On premise นอกจากนั้นยังมีการอัปเดตโมเดล AI ให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อทำให้การดึง และประมวลผลข้อมูลจากเอกสารประเภทต่างๆ ทำได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดย aiScript OCR จาก AIGEN มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ได้ดังต่อไปนี้

  • เข้าใจโครงร่าง และแพทเทิร์นของเอกสารโดยไม่จำเป็นต้องสร้างเทมเพลตไว้ล่วงหน้า
  • ดึงข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ และเอกสารประเภทอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ
  • ดึงข้อมูลลงตารางได้โดยอัตโนมัติ
  • แยกประเภทของเอกสาร (Document classification) ได้แบบอัตโนมัติ
  • ส่งออกข้อมูลเป็นไฟล์ JSON หรือรวบรวมข้อมูลเข้าโปรแกรมเกี่ยวกับบัญชีการเงิน เช่น SAP ERP และโปรแกรมอื่นๆ ได้
  • ส่งข้อมูลเป็น Batch ให้ประมวลผลข้ามคืนได้
  • สร้าง Workflow automation เฉพาะของแต่ธุรกิจได้ เพื่อให้ขั้นตอนการทำงานทำได้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนั้น aiScript OCR  จาก AIGEN ยังรองรับข้อจำกัดของเอกสาร โดยที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆได้ แม้ภาพจะเอียง เบี้ยว หรือกลับด้าน รวมถึงรองรับทุกความต้องการของการประมวลเอกสาร สามารถระบุได้ว่าต้องการฟิลด์ข้อมูลใดบ้าง หรือต้องการ output ของข้อมูลในรูปแบบใด โดยทางทีมงานสามารถ customize ให้ได้ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ และที่สำคัญสามารถเชื่อมต่อกับระบบ หรือซอฟต์แวร์ต่างๆที่ธุรกิจใช้อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็น SAP, Salesforce, Gmail และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ผ่านทาง aiScript OCR API Service หรือสามารถทดลองใช้งาน aiScript OCR ฟรี! ได้ที่ AIGEN Web portal

กำลังมองหาโปรแกรม AI-Powered OCR ไปใช้งานกับธุรกิจ

โปรแกรม AI-Powered OCR ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่จะเข้ามาช่วยยกระดับขั้นตอนการทำ Data-entry ของธุรกิจให้สามารถทำได้แบบอัตโนมัติ ทำให้ข้อจำกัดในการทำ OCR แบบเดิมๆ นั้นหมดไป ลดภาระงานแบบแมนนวลได้เป็นอย่างดี ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ และความคิดสร้างสรรค์ที่สร้างคุณค่ากับองค์กร หรือธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุค Data-driven ได้เป็นอย่างดี โดยทำให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่ธุรกิจสามารถนำไปต่อยอดในด้านอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ กำไร และการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาซอฟต์แวร์ AI-OCR ไปใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจของคุณ ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบขั้นตอนการทำงาน จนถึงการนำซอฟต์แวร์ AI-OCR ไปใช้งานให้ประสบผลสำเร็จ ติดต่อเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat