Share

13 Technology trends ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงกับผู้บริโภค และการทำธุรกิจในอนาคตอันใกล้

ในปีที่ผ่านมาหลายๆท่านมักจะหาข้อมูลเกี่ยวกับข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีว่าเทคโนโลยีอะไรที่กำลังมาในแต่ละอุตสาหกรรม และสามารถพูดได้เลยว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นเทคโนโลยีได้รับความสนใจจะผู้คนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากทั้งในการทำงาน การพักผ่อน ช้อปปิ้ง หรือแม้กระทั่งเรื่องสุขภาพ จึงทำให้ทั้งผู้คน และธุรกิจต่างๆอยากจะรู้ถึงถึงเทรนด์ของเทคโนโลยีในอนาคตว่าจะส่งผลต่อการใช้ชีวิต และการทำธุรกิจในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ตั้งแต่การนำเทคโนโลยี AI หรือ Artificial intelligence มาใช้งานจนถึงนวัตกรรมที่เอามาช่วยยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้ง เทคโนโลยียังคงมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิต และการทำงานอย่างต่อเนื่องในปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้  

วันนี้ AI GEN ได้รวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจาก Forbes Technology Council ที่ได้มาแชร์มุมมอง และการคาดการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะเป็น Game-changing ที่จะส่งผลกระทบกับการทำธุรกิจ และผู้บริโภคในภายภาคหน้า 

1.Ethical AI หรือจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์

Ethical AI หรือจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์
ภาพประกอบ : Canva

Ethical AI หรือจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ถือเป็นหนึ่งในเรื่องของเทรนด์เทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคในปีหน้านี้ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์จะมีประโยชน์มหาศาลทั้งกับภาคธุรกิจ และการใช้ชีวิตของมนุษย์ แต่มีสิ่งที่ท้าทาย และถือเป็นความเสี่ยงที่สำคัญในมุมของผู้บริโภคนั้นคือเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล และความเป็นส่วนตัว หลายอุตสาหกรรมเริ่มมีหารือ และพัฒนาหลักการเรื่องของจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ พร้อมถึงเแนวทาง นโยบาย และข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นนั้นจะสอดคล้องกับหลักการของ Ethical AI เพื่อปกป้องข้อมูล และความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

2.การนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ภาพประกอบ : Canva

สอดคล้องกับสถิติของการนำเทคโนโลยีไปใช้ที่ได้มีการรวบรวมไว้ในปี 2021  โดยผลวิจัยของ Gartner ระบุไว้ว่าจำนวนของธุรกิจที่นำเทคโนโลยี AI ไปใช้งานจะสูงขึ้นถึง 270% ภายในระยะเวลา 4 ปี และ ในปี 2022 ที่กำลังจะถึงนี้ เราจะได้เห็นการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้กันอย่างกว้างขวางมากขึ้นทั้งในมุมของธุรกิจ รวมถึงลูกค้าที่เป็นคนซื้อสินค้า และลูกค้าที่เป็นคนใช้สินค้า ระดับของการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้บริโภค และธุรกิจจะสามารถจัดการได้ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจตราเรื่องความปลอดภัย การสื่อสาร การป้องกันและดูแลข้อมูล เป็นต้น โดยเทคโนโลยี AI ได้กลายมาเป็นทางเลือกเดียวที่สามารถช่วยจัดการเรื่องการบริหารสัมพันธ์ที่มีความซับซ้อนเหล่านี้ได้ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป

3.การพัฒนาอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวขึ้น

การพัฒนาอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวขึ้น
ภาพประกอบ : Canva

อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างนวัตกรรม การพัฒนาอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น และสามารถชาร์จแบตได้เร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนไม่ถูกจำกัดการใช้งานของอุปกรณ์ด้วยอายุของแบตเตอรี่ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวขึ้น คือการเข้ามาของอุปกรณ์ที่ใช้งานได้แบบยั่งยืน (Sustainable devices) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นทั้งในแง่ของตัวอุปกรณ์ (Hardware) และการอัพเดทของระบบปฎิบัติการ (Software) รวมถึงใช้ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ แต่ในขณะเดียวกันในมุมของผู้ผลิตอุปกรณ์ ถ้าอุปกรณ์ใช้งานได้ยาวนานขึ้น อาจจะส่งผลถึงผลกำไรที่อาจจะลดลงได้เช่นกัน 

4.การออกแบบเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับการทำงานทางไกล

ภาพประกอบ : Canva

ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตทั้งการทำงานจากที่บ้าน หรือผสมผสานกันระหว่างทำงานที่ออฟฟิซ และทำงานที่บ้าน เราได้เห็นการที่บริษัทเทคโนโลยีต่างๆทำให้สินค้าของตัวเองสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคโดยโดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายได้มีการปรับเปลี่ยนสินค้าของตนเองให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และในปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้เราจะได้เห็นการพัฒนาในเรื่องของ Supply chain และเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต และการทำงานแบบทางไกล (Remote) และแบบผสม (Hybrid) กันมากขึ้น

5.การนำ VR และ AR มาผสมผสานกับการช้อปปิ้งออนไลน์

การนำ VR และ AR มาผสมผสานกับการช้อปปิ้งออนไลน์
ภาพประกอบ : Canva

การนำเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) มาใช้กับการช้อปปิ้งออนไลน์ทำให้ปัญหาเรื่องระยะทางในการเดินทาง ข้อมูล และประสบการณ์หมดไป ตัวอย่างเช่น อิเกียได้สร้างแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์ Augmented Reality ที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าไปค้นหาสินค้าในแคตตาล็อคของบริษัท และสามารถนำภาพเฟอร์นิเจอร์แบบ 3D ไปลองวางไว้ในสถานที่จริงได้ และสามารถทำการสั่งซื้อสินค้าโดยมีบ้านตนเองเป็นภาพพื้นหลังในแคตตาล็อค

6.ความสามารถในการลองเสื้อผ้าแบบทางไกล

ความสามารถในการลองเสื้อผ้าแบบทางไกล
ภาพประกอบ : Canva

การนำเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และการลองเสื้อผ้าเสมือนจริงมาใช้ในธุรกิจ E-commerce นั้นถือเป็นเทรนด์ของเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก รวมถึงมีแนวโน้มที่จะเติบโต และถูกนำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้นตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป ลูกค้าของ E-commerce เจ้าต่างๆจะสามารถลองสินค้า เช่น เสื้อผ้า และสินค้าแฟชั่นอื่นๆได้ผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ และเว็บไซต์ ซึ่งในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันมีการทำโฆษณาในรูปแบบ Augmented Reality 3D อีกด้วย

7.เสื้อผ้าอัจฉริยะ (Smart clothing)

ภาพประกอบ : Canva

ในอนาคตอันใกล้นี้ เทคโนโลยี Internet-of-things จะมาประจบกับแบรนด์เสื้อผ้าสุดหรูอย่าง Gucci ในรูปแบบของเสื้อผ้าอัจฉริยะ ตัวอย่างเช่น ชุดว่ายน้ำที่สามารถติดเซ็นเซอร์ UV เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการโดนแสงแดดแผดเผา หรือรองเท้าอัจฉริยะที่สามารถพัฒนาเทคนิคในการวิ่งของคุณได้ หรือติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันได้ โดยผู้ผลิตอาจจะมีการติดระบบสัมผัสไว้ที่ผ้า เพื่อช่วยปรับท่าทางในการเดิน หรือนั่ง รวมถึงพัฒนาการจัดท่าโยคะให้ถูกต้องได้อีกด้วย

8.แอปพลิเคชันโซเชียลเพื่อสร้าง Brand engagement

แอปพลิเคชันโซเชียลเพื่อสร้าง Brand engagement
ภาพประกอบ : Canva

การสร้างปฏิสัมพันธ์จะเป็นธีมหลักสำหรับธุรกิจในปีหน้านี้ เนื่องจากผู้คนโหยหาการมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สิ่งของ และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ หลังจากต้องประสบกับเหตุการณ์ Social distancing จากสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่ธุรกิจจะสร้างปฎิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆในรูปแบบของ Gamification ,  Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) เป็นต้น เพื่อที่จะดึงดูด และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์

9.Smart gadget และ Smart experience

Smart gadget และ Smart experience
ภาพประกอบ : Canva

ในปี 2022 เราจะได้ตัวอย่างของอุปกรณ์ต่างๆกลายเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะกันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ฝารองนั่งโถส้วมที่สามารถติดตามความดันเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณอ๊อกซิเจนในเลือด และอื่นๆ หรือแว่นตาอัจฉริยะที่ถูกออกแบบมาให้สามารถบันทึก และเล่นเพลง และภาพได้ตามคำสั่ง รวมถึงประสบการณ์ต่างๆจะมีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องมากขึ้น เช่น ร้านค้าปลีกอัจฉริยะที่คุณแค่เดินเข้าไปเลือกของ และเดินออกจากร้านได้เลย เหมือนกันร้าน Amazon GO ที่ไม่ต้องมีพนักงานเก็บเงิน ตัวอย่างเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่อย่างน้อยมีเทคโนโลยีรองรับอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ในวงกว้าง แต่ในปีหน้าเราจะได้เห็นเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

10.ซอฟต์แวร์แบบ Low-code และ No-code ถูกนำไปใช้กันในวงกว้าง

ซอฟต์แวร์แบบ Low-code และ No-code ถูกนำไปใช้กันในวงกว้าง
ภาพประกอบ : Canva

เราจะได้เห็นบริษัทต่างๆนำเรื่อง Low-code และ No-code ไปใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์กันมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้า ด้วยเทคโนโลยี Low-code และ No-code ทำให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถตรวจสอบไอเดียใหม่ๆ และระบุความต้องการของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยีนี้จะทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความรวดเร็ว และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงส่งมอบประสบการณ์แบบรายบุคคล สร้างความประทับให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

11.5G กลายเป็นกระแสหลัก

ภาพประกอบ : Canva

เทคโนโลยี 5G จะกลายมาเป็นกระแสหลักตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป เมื่อเปรียบเทียบกับ 4G แล้วนั้น 5G มีคลื่นความถี่ที่สูงกว่า และมีความเร็วสูงกว่าถึง 100 เท่าตัว ถึงแม้ว่าเทคโนโลยี 5G นั้นอาจจะถูกจำกัดเมื่อเจอกับกำแพง หรือวัตถุที่มีความหนา แต่ด้วยการเซ็ตระบบที่ถูกต้อง และการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่เข้ามาช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการรับและส่งข้อมูลนั้นไปเป็นได้อย่างรวดเร็ว และส่งผลบวกให้กับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม

12.แชทบอทที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่สูงขึ้น

แชทบอทที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่สูงขึ้น
ภาพประกอบ : Canva

ทุกปีผ่านไปจะมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเราอยู่ตลอด แชทบอทเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกมานำใช้กันในวงกว้างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2022 แชทบอทสามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูง ด้วยการเติบโตของเทคโนโลยี AI และ Machine learning ทำให้เทคโนโลยีแชทบอทจะยิ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น และถูกนำมาใช้ในวงกว้างมากขึ้นด้วย

13.การพิสูจน์ตัวตนโดยไม่ต้องใช้พาสเวิร์ด

การพิสูจน์ตัวตนโดยไม่ต้องใช้พาสเวิร์ด
ภาพประกอบ : Canva

ผู้บริโภคจำนวนมากในปัจจุบันไม่ใช่การกำหนดพาสเวิร์ดสำหรับบัญชีการใช้งานส่วนบุคคล และหวังว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่การใช้งานในบริษัทเช่นกันในการที่พิสูจน์ตัวตนโดยไม่ต้องใช้พาสเวิร์ดในการเข้าใช้ระบบงานของบริษัท ด้วยความสามารถของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันที่สามารถใช้อัตลักษณ์ในการยืนยันตัวตนได้ หรือเทคโนโลยี Biometrics  เช่น การแสกนใบหน้า หรือแสกนลายนิ้วมือ ทำให้ปัญหาเรื่องการจำพาสเวิร์ดไม่ได้ หรือมีคนแอบอ้างเอาพาสเวิร์ดไปใช้นั้นหมดไป

AIGEN Live chat