Share

10 สถิติของเทคโนโลยี AI ในปี 2021 ที่ธุรกิจต้องรู้

เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเรื่องของการนำข้อมูลมาใช้งานในหลากหลายธุรกิจทั่วโลก ตั้งแต่ภาครัฐ ธุรกิจขนาดใหญ่ จนถึงธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็ก เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้ถูกนับไปใช้อย่างแพร่หลายในธุรกิจประเภทต่างๆทั่วโลก

บทบาทของเทคโนโลยี AI ในการทำธุรกิจมีอะไรบ้าง? ผู้บริโภคมีความคิดเห็นเกี่ยว AI อย่างไร? และธุรกิจจะนำระบบ AI มาช่วยในการทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างไร?

ในบทความนี้ AI GEN จะพาคุณมาเจาะลึกถึงสถิติที่สำคัญของเทคโนโลยี AI ที่คนทำธุรกิจจำเป็นต้องรู้ในปี 2021 นี้ โดยครอบคลุมตั้งแต่การนำระบบ AI ไปใช้กับธุรกิจ จนถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในภาคธุรกิจ พร้อมแล้วไปดูพร้อมกันเลย! 

1.การเติบโตของการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในภาคธุรกิจ

สถิติการเติบโตของการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในภาคธุรกิจ

ถึงแม้ว่าจำนวนองค์กรที่มีการนำเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ยังมีไม่มากนัก แต่จากข้อมูลสถิติพบว่าหลายองค์กรเริ่มมีการนำระบบ AI ไปใช้งานในกระบวนการทำงานกันมากขึ้น

ในปี 2015 จากรายงานพบว่ามีองค์กรเพียง 10% ที่ได้นำเทคโนโลยี AI ไปใช้งาน หรือวางแผนที่จะนำมาใช้งานในอนาคตอันใกล้ และเมื่อตัดภาพมาที่ปี 2019 จำนวนองค์กรที่ได้นำระบบ AI มาใช้งานสูงขึ้นเป็น 37% แสดงว่าองค์กร 1 ใน 3 ได้มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานกับธุรกิจของตนเองแล้ว หรือวางแผนที่จะนำมาใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้ (Gartner ,2019)

ตัวเลขนี้ได้แสดงให้เห็นว่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 270% ภายใน 4 ปี ส่วนใหญ่แล้วเป็นการเติบโตจากปี 2018 ถึง 2019 ซึ่งภายในระยะเวลาปีเดียวการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานภายในองค์กรได้สูงขึ้นถึง 3 เท่าตัว

จากตัวเลขทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลายองค์กรเริ่มหันมาให้ความสนใจ และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี AI กันมากขึ้น โดยเทคโนโลยี AI ได้รับขนานนามจากผู้นำทางธุรกิจด้าน IT ทั่วโลกว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจมากที่สุด

2.การเติบโตของมูลค่าตลาดเทคโนโลยี AI

สถิติการเติบโตของมูลค่าตลาดเทคโนโลยี AI

จากการเติบโตของการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในองค์กร จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมมูลค่าตลาดของ AI ถึงได้มีการเติบโตอย่างมหาศาล

จากข้อมูลตัวเลขล่าสุดในปี 2019 มูลค่าตลาดของเทคโนโลยี AI มีมูลค่าอยู่ที่ 27.23 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ(Fortune Business Insights, 2020) และมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมของ AI จะสูงถึง   266.92 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2027 คิดเป็นการเติบโตถึง 10 เท่าภายในระยะเวลา 8 ปี โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 33.2%

หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของเทคโนโลยี AI มาจากการที่ธุรกิจมีการนำระบบ AI ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และมากไปกว่านั้นธุรกิจในยุคปัจจุบันได้ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อส่งมอบประสบการณ์ และบริการรายบุคคลให้กับลูกค้า 

3.เทคโนโลยี AI ในภาคธุรกิจ

สถิติของการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในธุรกิจประเภทต่างๆ

จาก 2 ข้อที่ได้กล่าวไปก่อนหน้าเป็นการพิสูจน์ได้ว่าธุรกิจเริ่มมีการนำเทคโลโยี AI มาใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่จากที่เราเห็นนั้น การเติบโตของนำระบบ AI มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจนั้นเป็นที่แพร่หลายในบริษัทชั้นนำต่างๆของโลก โดยเฉพาะในธุรกิจการเงิน และธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ

จากการสำรวจสถิติเทคโนโลยี AI ล่าสุด พบว่ามากกว่า 9 จาก 10 ธุรกิจชั้นนำ (คิดเป็น 91.5%) ได้มีการลงทุนเรื่องเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง (NewVantage, 2020)

บริษัทที่สำรวจส่วนใหญ่เป็นบริษัททางด้านธุรกิจการเงิน แต่ในขณะเดียวมีบริษัทรายใหญ่ของโลก ได้แก่ Google และ General motors เข้าร่วมทำสำรวจด้วย รวมถึงบริษัทด้านสุขภาพ และยารายใหญ่ของโลก ได้แก่ Pfizer และ CVS Health เข้าร่วมสำรวจในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะมีการลงทุนระบบ AI อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในบริษัทค่อนข้างน้อย มีบริษัทเพียงแค่ 14.6% ที่มีการใช้เทคโนโลยี AI อย่างเต็มรูปแบบ  ในขณะเดียวกันมากกว่าครึ่งของบริษัททั้งหมด หรือคิดเป็น 51.2% ที่มีการใช้ระบบ AI ที่ยังไม่เต็มรูปแบบ นอกจากนั้นบริษัทอีก 1 ใน 4 หรือคิดเป็น 26.8% กำลังทดสอบการใช้งานระบบ AI อยู่

4.เทคโนโลยี AI กับการเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ

สถิติของการนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับการเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ

จากการเติบโตของนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในภาคธุรกิจแสดงให้เห็นว่าธุรกิจสามารถได้ประโยชน์จากการนำระบบ AI ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจ

หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญของเทคโนโลยี AI คือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยลดงานที่น่าเบื่อหน่าย และต้องทำแบบซ้ำๆไปให้ AI ทำแทน ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์มากขึ้น

จากสถิติแสดงให้เห็นว่า 54%ของผู้บริหารได้ให้ความคิดเห็นว่าหลังจากมีการนำระบบ AI มาใช้ในการทำงานทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มสูงขึ้น (PWC, 2018)

เช่นเดียวกับคำกล่าวที่ว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียว การนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้การทำงานในองค์กรดีขึ้น และช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยผู้บริหาร 2 ใน 3 กล่าวว่าระบบ AI ช่วยทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์ และเครื่องจักรเป็นไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

5.ลูกค้ายินดีที่ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้สินค้า และบริการนั้นๆ

สถิติของลูกค้าที่ยินดีใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยพัฒนาประสบการณ์การใช้สินค้า และบริการนั้นๆ

การเติบโตของเทคโนโลยี AI ไม่เป็นที่แพร่หลายเฉพาะในภาคธุรกิจเท่านั้น เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นกระแสหลักในยุคปัจจุบัน ผู้บริโภคจากทั่วทุกมุมโลกพร้อมที่รับ และเปิดใจกับเทคโนโลยีต่างๆมากยิ่งขึ้น

จากการสำรวจสถิติของ AI ล่าสุด พบว่า 62% ของลูกค้ายินดีที่จะส่งข้อมูลให้ระบบ AI นำไปเรียนรู้เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้บริการของธุรกิจนั้นๆ (Salesforce, 2019) เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่อยู่ที่ 59% 

อย่างไรก็ตามธุรกิจต้องมีการสื่อสารถึงวิธีการใช้เทคโนโลยี AI ภายในองค์กร ถึงแม้ว่าการใช้งานระบบ AI จะเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น แต่ผู้บริโภคแต่ละคนจะมีความพร้อมในเรื่องการเปิดรับเทคโนโลยีที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นธุรกิจต้องออกแบบการใช้งานเทคโนโลยีให้เหมาะกับผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม

มีเพียง 54% ของลูกค้าที่เชื่อใจว่าบริษัทจะนำข้อมูลที่ได้จากระบบ AI ไปใช้ในทางที่เกิดประโยชน์กับลูกค้า ในขณะที่ 1 ใน 3 เชื่อมั่นว่าบริษัทจะมีการใช้งานระบบ AI อย่างตรงไปตรงมา

6.ประโยชน์ของเทคโนโลยี AI กับการให้บริการลูกค้า

จากสถิติเกี่ยวกับ AI ที่ได้แสดงมาด้านบนทั้งหมด เทคโนโลยีได้แพร่กระจายเข้าในทุกขั้นตอนของการทำธุรกิจ รวมถึงการให้บริการลูกค้า

จากสถิติล่าสุดแสดงให้เห็นว่า 15% ของการให้บริการลูกค้าทั่วโลกจะถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI เต็มรูปแบบภายในปี 2021 ซึ่งเติบโตสูงถึง 400% เมื่อเทียบจากปี 2017

หน้าที่ของการให้บริการลูกค้าที่ได้มีการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ ได้แก่ บ็อท (Bot) และผู้ช่วยเสมือนในการให้บริการลูกค้า โดยเกือบ 1 ใน 4 (23%) ขององค์กรที่ให้บริการลูกค้ามีการใช้ chatbot ที่มีระบบ AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้องค์กรสามารถรับคำถามจากลูกค้าได้มากขึ้น ตอบคำถามลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ และสามารถควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ด้วยประโยชน์เหล่านี้ของระบบ AI ทำให้เทคโนโลยี AI กลายเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น ดังเช่น 71%ของลูกค้าคาดหวังว่าจะสามารถติดต่อสื่อสารกับธุรกิจได้แบบเรียลไทม์

7.สถิติของเทคโนโลยี AI กับการขาย

สถิติของเทคโนโลยี AI ที่นำมาใช้กับการขาย

นอกจากแผนกบริการลูกค้า ทีมขายในหลายๆองค์กรยังเป็นอีกหนึ่งสายงานที่มีการนำเทคโนโลยี AI ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานประจำวัน

ในปี 2018 21%ของทีมขายมีการนำระบบ AI มาใช้ในการทำงาน (Salesforce, 2019) โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 155% ภายใน 2 ปีข้างหน้า และในปี 2020 คาดการณ์ว่า 54% ของทีมขายจะมีการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในการทำงาน

อัตราการเติบโตของการนำระบบ AI ไปใช้ในงานขายถือเป็นตัวเลขที่เติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ตัวอย่างเช่น มีการคาดการณ์ว่าการนำการทำการตลาดแบบอัตโนมัติ (Marketing Automation) มาใช้จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 104% และการระบบบริหารพาร์ทเนอร์มาใช้จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 95%

กระบวนการที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด ได้แก่ การทำงานแบบอัตโนมัติ และการตั้งค่าใบเสนอราคา โดยกระบวนการเหล่านี้จะทำให้เจ้าหน้าที่การขายสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น และเมื่อไม่มีงานยิบย่อยมากวนใจ ทำให้เจ้าหน้าที่การขายสามารถโฟกัสกับการให้คำแนะนำลูกค้าได้ดีมากขึ้น

หากมองไปในภายภาคหน้า ทีมขายมีความคาดหวังว่าความสามารถของระบบ AI จะพัฒนาได้ดียิ่งขึ้นไปอีกในอีก 5 ปีข้างหน้าเพื่อทำให้ได้ข้อมูลที่มีความแม่นยำมากขึ้น โดย 7 ใน 10 คนของเจ้าหน้าที่ขายที่มียอดขายสูงสุดคาดหวังระบบที่สามารถพยากรณ์ยอดขายได้อย่างแม่นยำ และ 66% คาดหวังว่าระบบ AI จะช่วยในเรื่องของข้อมูลที่มีความละเอียด และช่วยจัดลำดับความสำคัญของลูกค้าในแต่ละรายให้ได้

8.ประโยชน์ในเรื่องของต้นทุน เมื่อนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งาน

สถิติของประโยชน์ในเรื่องของต้นทุน เมื่อนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งาน

จากสถิติเกี่ยวกับระบบ AI ข้างต้นที่กล่าวมายิ่งเป็นสิ่งที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าประโยชน์ของเทคโนโลยี AI ที่มีต่อธุรกิจนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ นอกเหนือจากการนำระบบ AI ไปใช้ในการให้บริการลูกค้า และใช้ในเรื่องของการขาย AI ยังมีประโยชน์ในเรื่องทางการเงินของบริษัทอีกด้วย

อ้างอิงจากสถิติ AI ล่าสุด 44%ของบริษัทที่ได้นำระบบ AI ไปใช้งาน สามารถลดต้นทุนภายในหน่วยงานลงได้ (McKinsey, 2019) โดยมีหลายองค์กรที่รายได้เติบโตเป็นสองเท่า

โดยการประหยัดต้นทุนที่ทำได้มากที่สุดมาจากกระบวนการผลิต 37%ขององค์กรสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 10% หลังจากมีการใช้งานระบบ AI ตามมาด้วยหน่วยงาน Supply chain ที่สามารถลดต้นทุนได้มากถึง 31%

ส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้น จะมาจากทีมขาย และการตลาดเป็นส่วนใหญ่ โดย 4 ใน 10 ขององค์กรแจ้งว่ารายได้เพิ่มขึ้น 5% หลังจากได้มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน

ในขณะเดียวกันทีมงานบริการลูกค้า และทีมพัฒนาสินค้าเห็นว่ารายได้เพิ่มขึ้นถึง 31% เมื่อนำระบบ AI เข้ามาใช้งาน

9.การเติบโตของการสั่งงานด้วยเสียงที่มีเทคโนโลยี AI อยู่เบื้องต้น

สถิติของการเติบโตของการสั่งงานด้วยเสียงที่มีเทคโนโลยี AI อยู่เบื้องต้น

หนึ่งในเทคโนโลยี AI ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการสั่งงานด้วยเสียงผ่านอุปกรณ์ต่างๆ และจากข้อมูลได้แสดงให้เห็นว่าเทรนด์นี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆไป

โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของการสั่งงานด้วยเสียงจะสูงถึง 8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2023 (Statista, 2019) ตัวเลขนี้สูงว่าจำนวนประชากรโลก ซึ่งสามารถเป็นตัวชี้วัดได้ว่าจำนวนผู้ใช้งานการสั่งงานด้วยเสียงแต่ละคนมีแนวโน้มที่จะมีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งอัน

และมีการประเมินว่าในเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้งานการสั่งการด้วยเสียงมากกว่า 110 ล้านคน ด้วยอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน และลำโพงอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

การสั่งงานด้วยเสียงที่ได้รับความนิยม คือใช้สำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ จากตัวเลข 43%ของเจ้าของอุปกรณ์การสั่งงานด้วยเสียงในประเทศสหรัฐอเมริกามีอายุ 45-60 ปี และมักใช้ในการสั่งซื้อของออนไลน์

10.ความเชื่อใจคือสิ่งสำคัญสำหรับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน

สถิติของความเชื่อใจซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน

ความเชื่อใจไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญเฉพาะกับลูกค้าในเรื่องของการเก็บ และการวิเคราะห์ข้อมูลโดย AI เท่านั้น หลายๆองค์กรพูดเป็นเสียงตรงกันว่าพวกเขาต้องสามารถเชื่อในคำแนะนำของระบบ AI ได้

องค์กรมากกว่า 3 ใน 4 (78%) พูดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ผลที่ได้จากระบบ AI จะต้องเป็นธรรม ปลอดภัย และเชื่อถือได้ (IBM, 2019) มากไปกว่านั้น 83% ขององค์กรทั้งหมดเน้นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเข้าใจอัลกอริทึ่มการทำงานของเทคโนโลยี AI เนื่องจากพวกเขาต้องการเข้าใจว่า AI มีการประมวลผลจนมาเป็นข้อสรุปได้อย่างไร เพื่อที่จะได้สามารถอธิบายที่มา และที่ไปได้ 

ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากระบบ AI มีผลต่อการตัดสินใจ สำหรับธุรกิจแล้วอาจจะส่งผลในเรื่องของกลยุทธ์การขาย กลยุทธ์การตลาด การวางแผนทรัพยากรบุคคล หรือแม้กระทั่งอาจจะส่งผลกับกลยุทธ์ที่มีความสำคัญกับธุรกิจ เช่น กลยุทธ์การเติบโต หรือกลยุทธ์การขยายธุรกิจ เป็นต้น

เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยี AI สามารถเชื่อถือได้ องค์กรควรคำนึงถึงการใช้ระบบที่มีความเที่ยงตรง สามารถตรวจสอบได้ มีความรับผิดชอบ โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และมีการตรวจสอบความแม่นยำอย่างต่อเนื่อง และปกป้องข้อมูลของลูกค้า

ส่งท้ายบทความ…

จากข้อมูลสถิติเหล่านี้ช่วยทำให้ธุรกิจสามารถเข้าใจ และวางแผนทิศทางในการทำธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงจะนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการทำธุรกิจได้อย่างไรบ้าง และถึงแม้ว่าเทคโนโลยี AI จะมีประโยชน์กับธุรกิจหลากหลายประการ แต่การที่จะนำระบบ AI ไปใช้กับธุรกิจนั้นต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เพื่อให้การนำเทคโนโลยี AI เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจนั้นเอง

AIGEN Live chat