รู้จักประเภทปัญญาประดิษฐ์ และ 3 ระดับความสามารถของ AI
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว AI หรือ Artificial Intelligence กลายเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วน ตั้งแต่การใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรม แม้หลายคนอาจคุ้นเคยกับ AI ผ่านภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือเกมต่าง ๆ แต่ความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับ AI ยังคงเป็นเรื่องที่น่าค้นหา
ทุกวันนี้ AI ไม่ใช่เทคโนโลยีที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป เพราะเรากำลังใช้งานและพึ่งพา AI อยู่แทบทุกวันแบบไม่รู้ตัว
ตั้งแต่ระบบแนะนำหนังในแพลตฟอร์มสตรีมมิง เสียงผู้ช่วยอัจฉริยะในมือถือ ไปจนถึงอัลกอริทึมที่คัดข่าวขึ้นหน้าฟีดบนสื่อโซเชียลมีเดีย AI หรือปัญญาประดิษฐ์ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่ช่วยขับเคลื่อนแทบจะทุกจังหวะของการใช้ชีวิต พร้อมทำหน้าที่เป็น “เครื่องจักรสมองกล” ที่เร่งให้โลกหมุนเร็วกว่าเดิม จนสร้างความอิมแพคพร้อมกับพลิกโฉมอุตสาหกรรมหลายประเภท ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหาศาลเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ในพริบตา หรือแม้กระทั่งการสร้างสรรค์งานศิลป์ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ภาพประกอบจาก www.imdb.com
สิ่งที่น่าสนใจคือ เรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของการพัฒนา AI ที่กำลังก้าวข้ามจากเครื่องมือไปสู่การเป็น “คู่คิด” และ “ผู้ตัดสินใจร่วมกับมนุษย์” นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกสายตาบนโลกจึงจับจ้องไปที่ AI ว่าในอนาคต AI จะพาโลกของเราไปไกลได้แค่ไหนเมื่อเทคโนโลยีก้าวล้ำไปอย่างไม่หยุดนิ่ง
จุดเริ่มต้นของการทำความรู้จัก สู่การสร้างภาพจำของ AI สำหรับหลาย ๆ คน อาจจะเริ่มมาจากภาพยนตร์เรื่อง A.I. Artificial Intelligence ในปี 2001 ของ Steven Spielberg ส่งผลให้ AI เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น แม้ในอดีตจะมีภาพยนตร์ที่กล่าวถึง AI มาบ้างแล้ว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นเรื่องแรก ๆ ที่นำเสนอ AI ในรูปแบบของสมองกลที่มีความคิด ความรู้สึก และความรักคล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด
AI คืออะไร?
AI หรือ Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์) คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการเลียนแบบกระบวนการคิดและการเรียนรู้ของมนุษย์ ในปัจจุบัน AI ได้พัฒนาจนสามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ เรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เช่น Machine Learning และ Deep Learning ที่ช่วยให้ AI สามารถพัฒนาความสามารถได้อย่างต่อเนื่องผ่านการเรียนรู้จากข้อมูล
วิวัฒนาการของ AI
จุดเริ่มต้นของ AI ย้อนกลับไปในทศวรรษ 1950 เมื่อนักวิทยาศาสตร์เริ่มสำรวจความเป็นไปได้ในการสร้างสมองกลที่คิดได้เหมือนมนุษย์
การพัฒนาได้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2012 เมื่อ Deep Learning ปฏิวัติวงการด้วยความสามารถในการเรียนรู้แบบเชิงลึก ทำให้ปัจจุบัน AI สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้หลากหลาย เช่น
- สร้างสรรค์ผลงานศิลปะและดนตรี
- วิเคราะห์และพยากรณ์แนวโน้มทางธุรกิจ
- วินิจฉัยโรคทางการแพทย์
- ขับเคลื่อนยานพาหนะอัตโนมัติ
ระดับของ AI
ตั้งแต่ยุคแรกจนมาถึงปัจจุบัน AI ได้ถูกพัฒนาจนมีอยู่หลากหลายระดับ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและความสามารถของ AI แต่ละประเภท
- Narrow AI (ANI หรือ AI แคบ) : ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานเฉพาะด้าน เช่น ระบบแปลภาษา การจดจำใบหน้า หรือระบบแนะนำสินค้า เป็น AI ที่มีความชำนาญเฉพาะขอบเขต ไม่สามารถทำงานนอกเหนือจากสิ่งที่ตั้งโปรแกรมไว้ได้ และไม่สามารถเรียนรู้หรือปรับตัวเองได้อย่างกว้างขวาง
- General AI (AGI หรือ AI ทั่วไป) : AI ในระดับนี้มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ สามารถเรียนรู้ ทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้ในหลายด้านอย่างคล่องตัว ไม่จำกัดเพียงงานเฉพาะอย่างเดียว แต่ยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้ดี แต่ในปัจจุบัน AI ประเภทนี้ยังไม่ถูกพัฒนาให้มีความสามารถอย่างสมบูรณ์
- Superintelligent AI (ASI หรือ AI ที่มีสติปัญญาสูงกว่า) : เป็น AI ที่มีความสามารถและสติปัญญาเหนือกว่ามนุษย์ในทุกด้าน ทั้งด้านการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาขั้นสูง ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ในระดับนี้ ยังคงเป็นเพียงแนวคิดในอนาคตและยังไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นจริง
ประเภทของ AI จากระบบการประมวลผล
1.1 Reactive Machines
Reactive Machines คือ AI ขั้นพื้นฐานที่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้าได้ แต่ไม่มีความจำและไม่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ ซึ่งแปลว่าจะไม่สามารถใช้ข้อมูลเก่า ๆ ในอดีตมาพัฒนาการตัดสินใจของตัวเองให้ดีขึ้นได้ จึงถือว่ามีความสามารถค่อนข้างจำกัด พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ Reactive Machines ไม่สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำได้แค่เพียงมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ตรงหน้าเท่านั้น เช่น ระบบ AI ที่เล่นหมากรุกโดยวิเคราะห์เฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันบนกระดาน
ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงมาก ๆ คือ Deep Blue ของ IBM ที่สามารถโค่น Garry Kasparov แชมป์หมากรุกอันดับหนึ่งของโลกสำเร็จในปี 1997

ภาพประกอบจาก phys.org
1.2 Limited Memory
Limited Memory เป็น AI ที่พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น มี Memory เป็นของตัวเอง สามารถเรียนรู้จากข้อมูลในอดีตเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจในปัจจุบัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือระบบแนะนำสินค้าที่เรียนรู้จากพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า หรือรถยนต์ไร้คนขับที่เรียนรู้จากสถานการณ์การจราจรที่เคยพบ
ตัวอย่างเช่น หากเรานำรูปส้มกับแตงโมไปให้ AI ประเภทนี้ พร้อมบอกว่ารูปภาพไหนคือผลไม้ที่ชื่อ “ส้ม” และรูปไหนคือผลไม้ที่เรียกว่า “แตงโม” เมื่อได้รับข้อมูลรูปภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ AI ประเภท Limited Memory ก็จะสามารถบอกเราได้ว่าภาพแต่ละภาพนั้นคือส้มหรือแตงโม โดยหากยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไร ระดับความถูกต้องแม่นยำก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ (การระบุภาพของ AI ตามตัวอย่างดังกล่าวเรียกว่า Image Recognition)
ตัวอย่างอื่น ๆ ของ AI ประเภท Limited Memory เช่น แชตบอต Virtual Assistants และ Self-Driving Cars เป็นต้น

ภาพประกอบจาก www.bbc.com
1.3 Theory of Mind
Theory of Mind เป็นขั้นพัฒนาการที่สูงขึ้น ที่มุ่งให้ AI สามารถเข้าใจอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของมนุษย์ แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่มีความก้าวหน้าในการพัฒนา Emotional AI ที่สามารถตรวจจับและตอบสนองต่ออารมณ์ของมนุษย์ได้บางส่วน
1.4 Self-Awareness
Self-Awareness เป็นขั้นสูงสุดที่ AI จะมีความตระหนักรู้ในตนเอง โดยจะมีอารมณ์ความรู้สึก ความเชื่อ ความต้องการเป็นของตัวเอง รวมถึงสามารถที่จะคิด เลือก และกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองทั้งหมด ซึ่งยังเป็นเพียงแนวคิดในทางทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์และนักพัฒนากำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
2. แบ่งประเภทจากระดับความสามารถของ AI
2.1 Artificial Narrow Intelligence (ANI)
Artificial Narrow Intelligence (ANI) คือ AI ที่สามารถทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ได้ แต่จะจำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ เท่านั้น นั่นคือ ต้องเป็นงานหรือทักษะที่ได้รับการโปรแกรมมาให้ทำเท่านั้น ไม่สามารถทำงานอื่นใดนอกเหนือจากนั้น หรือเรียนรู้ด้วยตนเองเพิ่มเติมได้ เช่น ChatGPT ที่เชี่ยวชาญในการประมวลผลภาษา หรือระบบ AI-OCR ที่เชี่ยวชาญด้านการประมวลผล และดึงข้อมูลที่ต้องการจากเอกสารประเภทต่าง ๆ แม้จะทำงานได้ดีในด้านที่ถูกออกแบบมา แต่ไม่สามารถประยุกต์ความรู้ข้ามศาสตร์ได้เหมือนมนุษย์
2.2 Artificial General Intelligence (AGI)
Artificial General Intelligence (AGI) หรือ Strong AI มีสติปัญญาและสามารถทำงานต่าง ๆ ได้เทียบเท่ากับสมองของมนุษย์ เช่น สามารถคิดวิเคราะห์ วางแผน แก้ปัญหาที่ซับซ้อน เข้าใจเรื่องราวที่เป็นนามธรรม รวมถึงสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีตได้เหมือนกับที่มนุษย์ทำได้ แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีการพัฒนา AGI ได้สำเร็จ แต่การพัฒนากำลังก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการเรียนรู้และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่หลากหลาย
2.3 Artificial Super intelligence (ASI)
Artificial Super Intelligence (ASI) คือสุดยอด AI ที่มีปัญญาเหนือกว่ามนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นแนวคิดที่ถกเถียงกันในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในแง่ความเป็นไปได้และผลกระทบต่อมนุษยชาติ รวมถึงประเด็นด้านจริยธรรมและการควบคุม และแน่นอนว่าในปัจจุบันเรายังไม่สามารถพัฒนา AI ประเภทนี้ขึ้นมาได้ แต่ไอเดียการมีอยู่ของ Artificial Super intelligence (ASI) นั้น มักจะปรากฏอยู่ในสื่อต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกม ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือนวนิยายนั่นเอง

ภาพประกอบจาก www.imdb.com
การประยุกต์ใช้ AI ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการพัฒนาในทุกภาคส่วน
- ด้านการแพทย์ AI ช่วยในการวินิจฉัยโรคจากภาพถ่ายทางการแพทย์ได้อย่างแม่นยำ และยังช่วยในการพัฒนายาและวัคซีนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ด้านการเงิน AI ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงสินเชื่อ ตรวจจับการฉ้อโกง และให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย
- ด้านการผลิต AI ช่วยในการควบคุมคุณภาพ การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ และการจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
คำแนะนำการพัฒนา AI สำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นเพื่ออนาคต
สำหรับธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล และต้องการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน ตั้งแต่กระบวนการเก็บเอกสารและจัดการข้อมูล ตลอดจนการพัฒนาโซลูชัน AI เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน ควรเริ่มต้นการจากพิจารณาก่อนว่า ต้องการ AI เข้ามาพัฒนาในด้านใดภายในองค์กร
- กำหนดวัตถุประสงค์ : ระบุปัญหาหรือกระบวนการที่ต้องการปรับปรุงด้วย AI เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า หรือการปรับปรุงบริการลูกค้า
- เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม : พิจารณาเทคโนโลยี AI ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ เช่น OCR (Optical Character Recognition) สำหรับการประมวลผลเอกสาร, Face Recognition สำหรับการยืนยันตัวตน, หรือ NLP (Natural Language Processing) สำหรับการประมวลผลด้านภาษา
- เริ่มต้นด้วยโซลูชันที่สามารถทดลองใช้งานได้ : เลือกผู้ให้บริการ AI ที่มีโซลูชันที่สามารถทดลองใช้งานได้ฟรี เช่น AIGEN ซึ่งมาพร้อมกับบริการ AI ที่รองรับธุรกิจทุกขนาด
- ฝึกอบรมและสนับสนุน : ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพื่อให้การนำ AI ไปใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น
ตัวอย่างการใช้งานภายในธุรกิจ
ประเภทการใช้งาน | รายละเอียด | ประโยชน์ที่ได้รับ |
การตลาด | AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าและคาดการณ์แนวโน้มการซื้อสินค้า เพื่อช่วยในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ | ช่วยให้ธุรกิจวางแผนการตลาดที่แม่นยำขึ้น เพิ่มยอดขายและการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสม |
ความบันเทิง | AI ใช้ในการแนะนำเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ เช่น การแนะนำภาพยนตร์หรือเพลงผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิง | เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ช่วยให้แพลตฟอร์มสร้างเนื้อหาที่ผู้ใช้ต้องการและเพิ่มเวลาในการใช้งาน |
การตรวจสอบความถูกต้อง และความเหมาะสม | AI สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและความเหมาะสมของเนื้อหา เช่น การตรวจสอบคุณภาพของข้อมูลในเอกสารหรือเว็บไซต์ | ลดข้อผิดพลาดในการจัดการข้อมูล ช่วยให้ธุรกิจมั่นใจในคุณภาพและความน่าเชื่อถือของข้อมูล |
ประสบการณ์การช็อปปิงส่วนบุคคล | AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าและแนะนำสินค้าที่ตรงกับความสนใจของแต่ละบุคคล | ปรับปรุงประสบการณ์การซื้อสินค้า เพิ่มอัตราการแปลงจากการดูสินค้าเป็นการซื้อจริง |
การดูแลสุขภาพ | AI ถูกนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรค การวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ และการพัฒนายาตัวใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ | ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย ลดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ และช่วยในการพัฒนายาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น |
การคาดการณ์ | AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต เช่น การคาดการณ์ยอดขายหรือความต้องการของตลาด | ช่วยในการวางแผนธุรกิจ การจัดการสินค้าคงคลัง และการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้เร็วขึ้น |
การจัดการทราฟฟิก | AI ถูกใช้ในการวิเคราะห์และจัดการการจราจร เช่น การควบคุมสัญญาณไฟจราจรและการวางแผนเส้นทางการเดินทาง | ลดปัญหาการจราจรแออัด ปรับปรุงประสิทธิภาพการเดินทาง และลดเวลาในการเดินทางสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร |
ความท้าทายและการเตรียมพร้อมสู่อนาคต
การพัฒนา AI ยังมาพร้อมกับความท้าทาย โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของข้อมูลและผลกระทบต่อการจ้างงาน รวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีกับการรักษาคุณค่ามนุษย์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องตระหนักและหาวิธีเพื่อสร้างสมดุลของการใช้งาน AI ในอนาคต
ในอนาคต AI จะมีการพัฒนาเพื่อให้มีความยั่งยืนและมีความรับผิดชอบมากขึ้น เช่น การพัฒนา Explainable AI ที่สามารถอธิบายเหตุผลในการตัดสินใจ หรือการผสมผสาน AI กับ Quantum Computing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล
จะเห็นได้ว่า AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่ถูกนำไปใช้กับเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตและธุรกิจในปัจจุบัน การเข้าใจและเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ทั้งองค์กรและบุคคลทั่วไปสามารถปรับตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ สู่การยกระดับธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน
หากคุณต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง ด้วยโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ที่ออกแบบมาได้อย่างตอบโจทย์ ติดต่อ AIGEN วันนี้ ! เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาและพัฒนา AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัท AIGEN กำลังรับสมัครเพื่อนร่วมงานหลายตำแหน่ง สามารถคลิกดูตำแหน่งงานที่น่าสนใจได้ที่นี่เลย

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อัจฉริยะ พร้อมช่วยขับเคลื่อนการทำงานของธุรกิจ มีประสบการณ์ให้บริการโซลูชัน AI เพื่อองค์กรระดับประเทศมากมาย