Share

6 สัญญาณที่บอกว่าควรนำระบบ e-KYC มาใช้งานกับธุรกิจ

ในยุคที่ธุรกิจต่างนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการยกระดับการทำธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความแตกต่าง รวมไปถึงสร้างประสบการณ์ที่ดี และน่าประทับใจให้กับลูกค้า หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ ระบบ e-KYC หรือ Electronic Know Your Customer ซึ่งเป็นระบบการยืนยันตัวตนออนไลน์ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถยืนยันตัวตนลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สาขาของธุรกิจ 

โดยที่ระบบ e-KYC นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้กับธุรกิจหลากหลายประเภท ตั้งแต่ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจประกัน ธุรกิจสินเชื่อออนไลน์ ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชัน ธุรกิจการศึกษา และอื่นๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจของคุณถึงเวลาที่ต้องนำระบบ e-KYC ไปใช้งานแล้ว ลองมาเช็กจากสัญญาณเหล่านี้กันดู

สัญญาณที่บอกว่าธุรกิจควรนำระบบ e-KYC ไปใช้งาน

6 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาที่ธุรกิจควรนำระบบ e-KYC มาใช้งาน

1. ต้องการขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

ระบบ e-KYC หรือการยืนยันตัวตนออนไลน์นั้นช่วยธุรกิจสามารถยืนยันตัวตนของลูกค้าได้อย่างสะดวก และรวดเร็วกว่าการยืนยันตัวตนแบบเดิมมาก เนื่องจากลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเองผ่านทางสมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางเพื่อไปพบเจ้าหน้าที่ และส่งเอกสารที่สำนักงานของธุรกิจ ซึ่งช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายทั้งสำหรับธุรกิจ และลูกค้า

โดยที่ธุรกิจสามารถกำหนด Workflow ของการยืนยันตัวตนได้ตามความต้องการ เช่น ให้ลูกค้าอัปโหลดบัตรประชาชน และทำการถ่ายรูปเซลฟี่ใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง รวมถึงสามารถส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครองได้เช่นกัน เมื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันแล้ว ลูกค้าสามารถอัปโหลดเอกสารอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการสมัครเข้าใช้บริการ เช่น หน้าสมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารทางการเงินต่างๆ สำหรับธุรกิจสถาบันการเงิน โดยที่ให้ระบบตรวจสอบได้แบบอัตโนมัติว่าลูกค้าอัปโหลดเอกสารเข้ามาครบหรือไม่ ลูกค้าถึงจะสามารถทำขั้นตอนถัดไปที่ธุรกิจกำหนดไว้ได้ เป็นต้น 

2. ต้องการรองรับจำนวนลูกค้าได้มากขึ้น

แน่นอนว่าเมื่อธุรกิจเติบโตมากขึ้น จำนวนลูกค้าย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย และหากยังใช้วิธีการยืนยันตัวตนแบบเดิมอยู่นั้นอาจทำให้ธุรกิจไม่สามารถรองรับกับจำนวนลูกค้าที่มากขึ้นได้ จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่สำคัญที่บอกว่าธุรกิจควรนำระบบ e-KYC มาใช้งาน เนื่องจากจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรองรับจำนวนลูกค้าที่มากขึ้นได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มพนักงาน และเป็นระบบที่ให้ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเองได้แบบอัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าสมัครเข้าใช้บริการของธุรกิจได้อย่างสะดวก และรวดเร็วได้มากยิ่งขึ้น

3. ต้องการยกระดับประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

ลูกค้ายุคใหม่คาดหวังที่จะได้รับบริการที่สะดวก และรวดเร็ว รวมไปถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจึงทำให้ลูกค้าสามารถทำทุกอย่างได้ผ่านทางสมาร์ตโฟน หากธุรกิจต้องการยกระดับประสบการณ์ในการให้บริการลูกค้า การนำระบบ e-KYC มาใช้ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชี สมัครใช้บริการ หรือทำธุรกรรมต่างๆ กับธุรกิจได้อย่างสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องเดินทางทางมาสมัครที่สำนักงานของธุรกิจ อีกทั้งยังลดขั้นตอนการสมัครที่ยุ่งยาก และซับซ้อน จะเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่าง และดึงดูดกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

ระบบ e-KYC สำหรับธุรกิจ

4. ต้องการลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง

การนำระบบ e-KYC มาใช้งานจะช่วยให้ธุรกิจสามารถยืนยันตัวตนลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำมากยิ่งขึ้น  โดยที่แต่ละธุรกิจสามารถเลือกระดับการยืนยันตัวตนได้ตามประเภทของการทำธุรกรรม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง และกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

5. ต้องการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

ในธุรกิจแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามแตกต่างกันออกไป หากธุรกิจของคุณอยู่ในประเภทธุรกิจที่กฎหมายกำหนดให้ต้องยืนยันตัวตนลูกค้าก่อนที่จะสมัครเข้าใช้บริการ การนำระบบ e-KYC มาใช้งานจะช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายได้อย่างง่ายดาย 

ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมีนาคม 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการสำหรับการโอนเงิน 50,000 บาทต่อครั้ง หรือโอนเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน รวมถึงหากมีปรับวงเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปใน Mobile Banking จำเป็นจะต้องยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าทุกครั้ง เพื่อป้องกันกันภัยจากการโดนโจรกรรมทางไซเบอร์

ในธุรกิจประเภทอื่นๆ เช่น ธุรกิจประกันสำหรับลูกค้าใหม่ที่ซื้อผลิตภัณฑ์กรมธรรม์ประกันชีวิต และกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน รวมไปถึงลูกค้าปัจจุบันที่ถือกรมธรรม์ฯ และต้องการทําธุรกรรมที่มีมูลค่ามากกว่า 100,000 บาทขึ้นไป กับบริษัทประกันจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนเช่นกัน หรือธุรกิจซื้อ-ขายทองออนไลน์ที่ต้องมีการจัดทำขั้นตอนการยืนยันตัวตนของลูกค้าในกรณีที่ลูกค้ามีการทำธุรกรรมตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไปตามตามกฎหมายที่ทาง ปปง.ได้กำหนดไว้

6. ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า

การนำระบบ e-KYC มาใช้งานจะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บ และรวบรวมข้อมูลของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างได้จัดเก็บอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ในขั้นตอนการทำงานถัดไปได้แบบเรียลไทม์ เช่น การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การสมัครใช้บริการของธุรกิจ รวมไปถึงทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อพัฒนาสินค้า และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดีมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

ระบบ e-KYC สำหรับธุรกิจ

ต้องการนำระบบ e-KYC ไปใช้กับธุรกิจ

AIGEN ได้พัฒนาระบบ e-KYC สำหรับธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ใช้ในการยืนยันตัวตนลูกค้าได้อย่างปลอดภัย รวดเร็ว และไร้รอยต่อ มาพร้อมกับฟีเจอร์การยืนยันตัวตนแบบครบวงจร ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการยกระดับขั้นตอนการทำ Customer onboarding และประสบการณ์ลูกค้าด้วยบริการที่สะดวก และรวดเร็ว

หากคุณต้องการนำระบบ e-KYC ไปใช้งานเพื่อใช้ยกระดับขั้นตอนการยืนยันตัวตนให้กับธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบจนถึงการนำระบบ e-KYC ไปใช้งานให้ประสบผลสำเร็จ ติดต่อเพื่อปรึกษา และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat