Share

ยกระดับการยืนยันตัวตนออนไลน์(e-KYC) ด้วยเทคโนโลยี AI

การยืนยันตัวตนถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องมีการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกรรมการเงิน เปิดใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ การขอรับสวัสดิการพิเศษของภาครัฐ หรือแม้กระทั่งการสมัครใช้แอปพลิเคชันบางอย่าง ก็ต้องมีการยืนยันตัวตนเช่นกัน เพื่อยืนยันว่าผู้ที่กรอกข้อมูลเพื่อจะใช้งานนั้นมีตัวตนจริง และเป็นบุคคลคนเดียวกันกับข้อมูลที่ได้กรอกไป ซึ่งในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และสมาร์ทโฟนต่างๆ จึงทำให้การยืนยันตัวตนเปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบของการยืนยันตัวตนแบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อลดความยุ่งยากในการกรอกเอกสารต่างๆ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผู้ที่ต้องการใช้บริการของธุรกิจ 

เทคโนโลยี AI ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนให้โซลูชันการยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สำนักงาน หรือสาขาของธุรกิจเพื่อแสดงตัว และให้พนักงานยืนยันตัวตนว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับในเอกสาร รวมถึงกรอกเอกสารต่างๆ ให้ยุ่งยาก เรียกได้ว่าตอบโจทย์การทำธุรกิจยุคใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดความยุ่งยากในการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ยังให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ในบทความนี้ AI GEN จะพามาดูว่าเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยทำให้การยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คนได้อย่างไรกันบ้าง

การยืนยันตัวตนออนไลน์สำหรับธุรกิจ

การยืนยันตัวตนออนไลน์ (e-KYC) คืออะไร

KYC หรือ Know Your Customer คือการที่ธุรกิจต้องรู้จักตัวตนของลูกค้าที่มาทำธุรกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครทำธุรกรรมครั้งแรก และการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมในครั้งต่อๆไป ซึ่งทุกวันนี้มีข้อกฎหมายมากมายจากการป้องกันการฟอกเงิน การป้องกันการสนับสนุนการก่อการร้าย หรือเป็นกฎที่ไว้คุ้มครองผู้บริโภคจากการทุจริต ที่บังคับให้ธุรกิจต้องมีการทำ KYC 

ส่วนการทำ e-KYC หรือ electronic KYC นั้นก็คือการทำความรู้จักลูกค้า และลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้นั่นเอง

การทำ KYC โดยทั่วไปต้องครอบคลุมถึง

  • การเก็บ และตรวจสอบความแท้จริงของหลักฐานเอกสารประกอบการยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หรือ เอกสารที่ได้รับการรับรองสำหรับการยืนยันอัตลักษณ์
  • การตรวจสอบว่าลูกค้าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับในเอกสารนั้นหรือไม่
  • การเก็บข้อมูลการยืนยันตัวตนไว้อย่างปลอดภัย และสามารถนำมาใช้ได้เมื่อลูกค้ากลับมาทำธุรกรรมใหม่

การทำ e-KYC นั้น สามารถทำได้โดยใช้คนในลักษณะ Face-to-face ผ่านระบบ VDO conference แต่ในทุกวันนี้ การพิสูจน์ตัวตนทางไกลผ่านสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติจากการใช้เทคโนโลยี AI สามารถทำได้ง่ายมากขึ้น เช่น การเทียบใบหน้าที่ถ่ายจากการเซลฟี่กับรูปถ่ายบนบัตรประชาชนว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ แต่ในบางกรณีที่ธุรกรรมมีความเสี่ยงต่อความเสียหายมาก อาจมีความจำเป็นต้องใช้วิธีที่รัดกุมมากกว่านั้น เช่น การต้องใช้ข้อมูลจาก dip chip ที่ฝังอยู่ในบัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าเป็นตัวบัตรประชาชนของจริง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องอ่านพิเศษตามสาขาหรือตู้ให้บริการตามจุดต่างๆ ทุกวันนี้ ประเทศไทยมีแพลตฟอร์มบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID or NDID) ไว้ให้บริการโดยส่วนใหญ่เป็นธนาคารที่ได้รับอนุญาตการให้บริการการยืนยันตัวตนผ่านแพลตฟอร์มกลางของ NDID ซึ่งเริ่มจากการไปยืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคารกับพนักงาน และใช้เครื่องอ่านบัตรประชาชนแบบเอนกประสงค์เพื่อทำการเก็บข้อมูลชีวมิติ ได้แก่ ใบหน้า และหลังจากนั้นสามารถทำการยืนยันตัวตนทางไกลผ่านการใช้ Smart device เช่น สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้เลยโดยไม่ต้องไปที่สาขา ส่วนธุรกรรมบางอย่างที่ไม่ได้มีความเสี่ยงสูง การทำ e-KYC โดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI ที่ได้มาตรฐานสากลหรือมาตรฐานที่ยอมรับโดยทั่วไปอย่างเดียวก็อาจเพียงพอ

ธุรกิจประเภทใดบ้างที่จำเป็นต้องใช้การยืนยันตัวตนออนไลน์ หรือ e-KYC

e-KYC สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจบางประเภทที่ต้องมีการทำ e-KYC เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายต่างๆที่ได้มีการระบุไว้ เช่น ธุรกิจธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ แต่จริงๆแล้วการยืนยันตัวตนสามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลายธุรกิจโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพิสูจน์ตัวตนของผู้มาใช้บริการว่าตรงตามกับข้อมูลที่ผู้ใช้บริการได้กรอกมาในระบบผ่านทางช่องทางต่างๆ ซึ่งระดับ หรือความเข้มข้นของการยืนยันตัวตนของธุรกิจในแต่ละประเภทนั้นจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ธุรกิจ ซึ่งทางสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ได้มีกำหนดข้อปฏิบัติเหล่านี้ไว้ 

ประเภทธุรกิจที่สามารถนำ e-KYC ไปใช้กับธุรกิจได้ ได้แก่

  • ธุรกิจธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ
  • ธุรกิจประกัน
  • ธุรกิจสินเชื่อออนไลน์
  • ธุรกิจแพลตฟอร์ม
  • ธุรกิจการศึกษาออนไลน์
  • ธุรกิจซื้อขายทองออนไลน์
  • ธุรกิจการสื่อสาร และโทรคมนาคม
  • หน่วยงานภาครัฐ

ให้การยืนยันตัวตนออนไลน์ (e-KYC) ทำได้แบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี AI

การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในขั้นตอนการทำความรู้จัก หรือ KYC นั้นทำได้โดยอัตโนมัติ และลูกค้าสามารถทำการยืนยันตัวตนออนไลน์ได้จากทุกที่ และทุกเวลาผ่านทางอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาในการที่ต้องใช้พนักงาน หรือระบบแมนนวลในการรีวิวรูปถ่าย และเอกสารต่างๆ ทำให้รองรับปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการอีกด้วย โดยเทคโนโลยี AI มาช่วยทำให้การยืนยันตัวตนออนไลน์ทำได้แบบอัตโนมัติดังต่อไปนี้

การนำ AI มาใช้ในการยืนยันตัวตนออนไลน์ หรือ e-KYC

1. AI ตรวจสอบคุณภาพของรูปถ่ายแบบอัตโนมัติ

ในหลายๆ ครั้งภาพถ่ายที่ไม่ได้คุณภาพทำให้ขั้นตอนของการยืนยันตัวตนต้องล่าช้าออกไปเป็นวัน หรือสัปดาห์ ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องทำการอัพโหลดภาพถ่ายใหม่เมื่อบริษัทได้แจ้งพวกเขาว่ารูปถ่ายที่ได้อัพโหลดมาไม่ได้ตามคุณภาพที่ทางบริษัทกำหนดไว้ อีกทั้งยังมีอีกหลายปัจจัยที่สามารถนำมาใช้ในการพิจารณาคุณภาพของภาพถ่ายได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อัลกอริทึ่มของ computer vision นั้นสามารถทำงานในส่วนนี้ได้ดีกว่าใช้ระบบแมนนวลในการรีวิว การนำระบบ AI มาใช้ในการรีวิวคุณภาพของรูปถ่ายนั้นทำให้ธุรกิจสามารถแจ้งฟีดแบ็กคุณภาพของรูปถ่ายของลูกค้าได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายเบลอเกินไป จัดตำแหน่งการวางรูปผิด และอื่นๆ การที่ลูกค้าสามารถทราบฟีดแบ็กได้โดยทันทีนั้นทำให้ลูกค้าสามารถดำเนินการขั้นตอนต่อไป นั่นคือการอัพโหลดเอกสาร ซึ่งลูกค้าสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในไม่กี่นาทีแทนที่จะต้องรออีกหลายวันกว่าจะได้รับฟีกแบ็กจากบริษัท หรือธุรกิจผู้ให้บริการ

2. AI ตรวจสอบเอกสารแบบอัตโนมัติ

เมื่อธุรกิจได้รับรูปถ่ายที่มีคุณภาพที่ดีจากผู้ใช้บริการที่อัพโหลดเข้ามาในระบบ ขั้นตอนต่อไปธุรกิจจะต้องนำรูปเหล่านี้ไปตรวจสอบโดยเทียบกับเทมเพลตเอกสารที่ถูกต้อง และพนักงานที่ทำการรีวิวจะต้องยืนยันว่าข้อมูลที่ลูกค้า หรือผู้ใช้บริการได้อัพโหลดเข้ามานั้นครบถ้วนตามที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้อาจจะล่าช้าได้หากเอกสารไม่ถูกต้อง หรือเอกสารไม่ได้รับการรับรอง และกรอกข้อมูลมาไม่ครบถ้วน เป็นต้น การนำ AI OCR และการตรวจจับข้อมูลที่รองรับเอกสารที่มีเทมเพลตที่หลากหลายเข้ามาใช้งานจะช่วยในการตรวจสอบ และยืนยันข้อมูลในเอกสารประเภทต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ เช่น รูปภาพที่แสดงเป็นใบขับขี่หรือหนังสือเดินทาง หรือมีการกรอกข้อมูลในช่องที่จำเป็นทั้งหมดในเอกสารครบถ้วนแล้วหรือไม่ เป็นต้น

3. AI ตรวจจับการฉ้อโกงแบบอัตโนมัติ

การปฏิบัติตามข้อกำหนดเป็นการทำให้ธุรกิจมั่นใจได้ว่าลูกค้าที่ไม่ยอมชำระหนี้นั้นจะไม่สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ที่ถูกกฎหมายได้ด้วยการปลอมแปลงข้อมูลโดยการใช้ข้อมูลของบุคคลอื่นซึ่งธุรกิจจำเป็นต้องมีขั้นตอนที่จะป้องกันบุคคลที่มีการกระทำน่าสงสัยไม่ให้สามารถที่จะทำธุรกรรมได้ โดยกระบวนเหล่านี้หากใช้คน หรือพนักงานในการจัดการ และดูแลนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือมากนัก เนื่องจากภาพที่ถูกสร้างด้วยระบบดิจิทัลนั้นสามารถหลอกมนุษย์ได้ง่ายมาก และอาจทำให้เกิดการฉ้อโกงในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดค่าปรับ หรือทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหายเนื่องจากขาดกลไกในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด และความประมาทเลินเล่อ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาการฉ้อโกงในการทำธุรกรรม การเทรน และใช้โมเดล machine learning เพื่อป้องกันการทุจริตมาเพิ่มในขั้นตอนการทำงานของพนักงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และลดโอกาสในการทำทุจริตต่างๆ ลงได้

4. AI แปลงเอกสารเป็นดิจิทัลแบบอัตโนมัติ

หลังจากทำการเช็คคุณภาพของรูปถ่าย ยืนยันความถูกต้องของเอกสาร และตรวจสอบเรื่องการฉ้อโกง เอกสารเหล่านี้จะถูกส่งไปยังพนักงาน เพื่อที่อ่านเอกสาร และกรอกข้อมูลที่ต้องการจากเอกสารเข้าไปในระบบ เพื่อที่จะจัดเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลขององค์กร ซึ่งเมื่อนำโซลูชัน e-KYC มาใช้งานกับธุรกิจจะทำให้กระบวนการเหล่านี้สามารถทำได้แบบอัตโนมัติ ด้วยระบบ AI-OCR และการตรวจจับข้อมูล ทำให้สามารถระบุข้อมูลในแต่ละฟิลด์ ระบุตำแหน่งข้อมูลที่ต้องการได้ และสามารถดึง และกรอกข้อมูลที่ต้องการจากเอกสารเข้าไปในฐานข้อมูลของบริษัทได้แบบอัตโนมัติโดยแทบไม่ต้องใช้คน หรือใช้คนเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยมาก ด้วยกระบวนการแปลงข้อมูลในเอกสารให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลได้แบบอัตโนมัติทำให้ธุรกิจสามารถประหยัดเวลาการทำงานในส่วนนี้ไปได้มากถึง 90% 

กำลังมองหาผู้ให้บริการ e-KYC แบบครบวงจร

หากธุรกิจของคุณกำลังวางแผนที่จะนำการยืนยันตัวออนไลน์ หรือ e-KYC มาใช้งาน ผู้เชี่ยวชาญของ AI GEN ยินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน และการออกแบบระบบ e-KYC จนถึงการนำระบบ e-KYC ไปใช้งานให้ตอบโจทย์ธุรกิจ และประสบผลสำเร็จ ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญการให้บริการ e-KYC มากับหลากหลายธุรกิจ สามารถติดต่อเพื่อปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat