AI API เพื่อการตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้า จาก AIGEN
การตรวจจับใบหน้า (Face Detection) คือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในการระบุและจดจำใบหน้าของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ดวงตา จมูก ปาก และโครงสร้างกระดูกใบหน้า โดยใช้อัลกอริทึม AI ขั้นสูงในการประมวลผลและแปลงข้อมูลเหล่านี้ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล
บริษัท AIGEN เป็นบริษัทที่โฟกัสเรื่องของโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจเป็นหลัก และบริการ Face Recognition ก็เป็นสิ่งที่เราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเรามุ่งมั่นพัฒนาระบบตรวจจับใบหน้าที่มีความแม่นยำสูงและรวดเร็วในการประมวลผล และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับใบหน้ามีการใช้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งที่เป็นรูปแบบ Build in ในอุปกรณ์ เช่น โทรศัพท์มือถือไว้สำหรับการปลดล็อกหน้าจอ หรือกล้องวงจรปิดสำหรับการตรวจจับใบหน้าที่ผ่านกล้อง
โดยรูปแบบการให้บริการที่นิยมของการนำระบบสแกนใบหน้าไปใช้งานคือ รูปแบบของ Software-as-a-service โดยจะให้บริการในรูปแบบของ Cloud Service ซึ่งการให้บริการเหล่านี้จะเป็นการนำ AI Service ไปเชื่อมต่อกับระบบงานที่มีอยู่ในปัจจุบันของแต่ละองค์กรผ่านทาง API หรือ Application programming interface เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
ระบบสแกนใบหน้าคืออะไร และทำงานอย่างไร ?
ระบบสแกนใบหน้าคือเทคโนโลยีที่ใช้การประมวลผลภาพและใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการตรวจจับ วิเคราะห์ และจดจำใบหน้าของบุคคล โดยมีขั้นตอนการทำงานหลักดังนี้
- การตรวจจับใบหน้า (Face Detection): ระบบจะสแกนภาพหรือวิดีโอเพื่อระบุตำแหน่งใบหน้า
- การวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะ (Feature Analysis): วัดระยะและความสัมพันธ์ของจุดสำคัญบนใบหน้า
- การสร้างแบบจำลองดิจิทัล (Digital Model Generation): แปลงข้อมูลที่วิเคราะห์ได้เป็นรูปแบบดิจิทัล
- การเปรียบเทียบและจดจำ (Face Matching & Recognition): นำแบบจำลองมาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล
บริการ AI API Face Recognition เพื่อการตรวจจับใบหน้าจาก AIGEN
โดยบริการ AI API Face Recognition ของ AIGEN ประกอบด้วย 2 บริการ ได้แก่
1. AI API Face Comparison (1:1)
หลายคนคงรู้จักและเข้าใจการใช้งานของ Service แบบนี้กันอยู่แล้วว่าเป็นการเปรียบเทียบระหว่างใบหน้า 2 ใบหน้า และหลังจากนั้นจะได้ผลลัพธ์กลับมา จากนั้นนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ในกระบวนการทางธุรกิจต่อไป แต่ AI Face Compare ของ AIGEN นั้นมีฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติมมากกว่าการเปรียบเทียบใบหน้าเพียงอย่างเดียว เพื่อการใช้งานที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ ได้แก่
- เปรียบเทียบใบหน้าจากรูปถ่ายเซลฟี่ (Real time) กับรูปใบหน้าบนบัตรประชาชน — ฟังก์ชันนี้ทำให้เราสามารถตรวจสอบรูปบัตรประชาชนที่ส่งเข้ามาเปรียบเทียบได้ทันทีว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจริงหรือไม่
- ตรวจสอบความเบลอของรูปภาพ — ทำให้สามารถ feedback user ได้ทันทีหลังจากการอัปโหลดหรือถ่ายรูปภาพเข้ามาสู่ระบบ
- Threshold สำหรับการกำหนดเกณฑ์ในการผ่านการตรวจสอบ — ผลลัพธ์ที่ได้จากการตรวจสอบจะมีค่า threshold เพื่อนำไปใช้เป็นเกณฑ์ได้ เช่น ความเหมือนของใบหน้าที่ตรวจสอบอยู่ที่ 60% แต่ threshold สำหรับผ่านเกณฑ์ที่ error ได้ไม่เกิน 0.001% ต้องมากกว่า 70% (60 < 70 ที่ 0.001%) จะทำให้การตรวจสอบครั้งนั้นไม่ผ่านนั้นเอง
และยังมีอีกหลายๆ ฟังก์ชันที่น่าสนใจ สามารถดูเพิ่มเติมได้จากเอกสาร AI API Face comparison
2. AI API Face Liveness Detection (1:1)
อีกรูปแบบหนึ่งของการบริการ AI Face Recognition คือ การตรวจสอบว่าบุคคลนั้นเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่นำรูปถ่ายของบุคคลมาใช้ ก่อนที่จะนำรูปภาพนั้นไปใช้ในการเปรียบเทียบบน Face Comparison
การใช้ Face Liveness ก็มีหลายรูปแบบเช่นกัน แต่สิ่งที่ AIGEN มีให้บริการ คือการตรวจสอบแบบ Motion Detection ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถนำการตรวจสอบนี้ไปใช้ได้กับทุกอุปกรณ์ ทั้งบนเว็บไซต์ หรือบน Mobile
หลักการทำงานของ AI GEN Liveness (Motion) จะประกอบไปด้วย
- สุ่มลำดับของการแสดงหน้าตา (Motion) ผ่าน API เพื่อให้ผู้ใช้งานทำตามลำดับที่สุ่มมาได้
- ส่งรูปภาพขณะการแสดงหน้าตาไปยัง API เพื่อตรวจสอบว่าตรงกับลำดับที่สุ่มมาหรือไม่
- หากการแสดงหน้าตาตรงกับลำดับที่สุ่มมาทั้งหมด นั่นหมายความว่าการตรวจสอบครั้งนั้นถูกต้อง
>> อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเอกสาร AI API Liveness detection
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นคำตอบที่ได้จาก AI Service ว่าคนๆ นั้นเป็นคนจริงหรือไม่และจะสามารถนำรูปภาพจากขั้นตอนการทำ Liveness ครั้งนี้ ไปเปรียบเทียบต่อไปได้
คุณสมบัติเด่นของ AI API สำหรับการตรวจจับใบหน้าและการจดจำใบหน้า
1. ความแม่นยำสูง
- ใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการวิเคราะห์
- แยกแยะใบหน้าได้แม่นยำ
- รองรับการตรวจจับใบหน้าหลายคนพร้อมกัน
2. การทำงานแบบเรียลไทม์
- ประมวลผลได้รวดเร็ว และเรียลไทม์
- รองรับการใช้งานแบบต่อเนื่อง และรองรับธุรกรรมจำนวนมากได้
- เหมาะสำหรับระบบรักษาความปลอดภัย
3. ระบบความปลอดภัยขั้นสูง
- ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก NIST และ ETDA
- ป้องกันการปลอมแปลงใบหน้า
- รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ตัวอย่างการนำ AI API Face Recognition ไปใช้งานกับธุรกิจ
การรักษาความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยเป็นหนึ่งในการประยุกต์ใช้หลักของเทคโนโลยี Face Recognition ระบบสามารถควบคุมการเข้า-ออกอาคารและพื้นที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยในการตรวจจับบุคคลต้องสงสัยและเฝ้าระวังพื้นที่แบบอัจฉริยะ ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขององค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การยืนยันตัวตนลูกค้า
ธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยี Face recognition มาใช้เพื่อยืนยันตัวตนลูกค้าได้ โดยที่สามารถเทียบรูปถ่ายในบัตรประชาชนกับรูปถ่ายเซลฟี่หน้าได้ เพื่อตรวจสอบได้ว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ รวมทั้งยังสามารถส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง (DOPA) ได้แบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยให้ขั้นตอนการยืนยันตัวตนทำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น
การบริการลูกค้า
ในด้านการบริการลูกค้า เทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนโฉมประสบการณ์การใช้บริการแบบเดิม ๆ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โรงแรมหลายแห่งใช้ระบบเช็กอินอัตโนมัติผ่านการจดจำใบหน้า ช่วยลดเวลาการรอคิวและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ระบบยังสามารถจดจำลูกค้า VIP เพื่อมอบการบริการแบบส่วนตัวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
การจัดการภายในองค์กร
การจัดการภายในองค์กรก็ได้รับประโยชน์อย่างมากจากเทคโนโลยีประเภทนี้ เช่น ระบบลงเวลาทำงานอัตโนมัติด้วยระบบสแกนและการตรวจจับใบหน้า สามารถช่วยลดภาระงานด้านเอกสารและเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารจัดการบุคลากร ทั้งยังช่วยควบคุมการเข้าถึงข้อมูลสำคัญผ่านการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลขององค์กร พร้อมกับการติดตามการเคลื่อนไหวของพนักงาน ทำให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่และทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรใช้ Face Comparison และ Face Liveness อย่างไร ?
การเลือกฟีเจอร์ Face Recognition ตามระดับความปลอดภัย
จะเห็นได้ว่าทั้ง Face Comparison และ Face Liveness ต่างมีความสำคัญต่อรูปแบบงานที่ต้องการใช้ใบหน้าเพื่อบ่งบอกตัวตน (Identity) ทั้งนี้การใช้งานขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละธุรกิจ และความเสี่ยงของการทำธุรกรรมในแต่ละประเภท โดยสามารถอ้างอิงจากข้อมูล IAL Level ได้
การเลือกใช้บริการ Face Recognition ควรพิจารณาตามระดับความปลอดภัยที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น หากต้องการใช้บริการ Face Recognition เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมทางการเงินก็ควรที่จะใช้ทั้ง Face Comparison และ Face Liveness Detection ควบคู่กันเพราะขั้นตอนการทำธุรกรรมนั้นค่อนข้างมีความเสี่ยงและทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
หากต้องการใช้บริการ Face Recognition กับการล็อกอินเข้าระบบ หรือตรวจสอบใบหน้าในการเข้าประชุมก็อาจจะใช้เพียง Face Comparison ได้ เพราะเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และความเสี่ยงในการทำธุรกรรมต่ำเมื่อเทียบกับการทำธุรกรรมทางการเงิน
ด้วยความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการทำงานของระบบ AIGEN Face Recognitionจึงสามารถพัฒนาและเชื่อมต่อได้ในหลากหลายรูปแบบการใช้งาน ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องเลือก AI API Face Recognition จาก AIGEN ?
ด้วยความแม่นยำและประสิทธิภาพของระบบที่ได้รับการพิสูจน์ผ่านการใช้งานจริงจากธุรกิจชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม AIGEN มุ่งมั่นพัฒนาบริการ API AI-Face Recognition ที่รองรับการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นตัวเลือกระบบการตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกองค์กร
ทั้งยังสามารถนำไปเชื่อมต่อ และใช้ร่วมกับระบบอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ API ยังออกแบบตามมาตรฐานสากลและใช้งานง่าย รองรับการทำงานบนหลากหลายแพลตฟอร์ม พร้อมเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและเข้าใจง่าย อีกทั้งทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนทั้งก่อน และหลังการขาย
ต้องการนำ AI API Face Recognition ไปใช้งานกับธุรกิจ ติดต่อ AIGEN ได้เลย
หากคุณเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่กำลังมองหา AI API สำหรับการตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าไปใช้งานกับธุรกิจของคุณ AIGEN พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระบบ AI-Face Recognition ที่ตอบโจทย์กับทุกความต้องการ ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาการนำ AI API ไปใช้งานกับการพัฒนาแอปพลิเคชันตั้งแต่การออกแบบขั้นตอนการทำงาน จนถึงการนำ AI API ไปใช้งานให้ประสบผลสำเร็จ สามารถดูรายละเอียด AI API Documentation ของเราได้ หรือติดต่อเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อัจฉริยะ พร้อมช่วยขับเคลื่อนการทำงานของธุรกิจ มีประสบการณ์ให้บริการโซลูชัน AI เพื่อองค์กรระดับประเทศมากมาย