Share

7 เทรนด์เทคโนโลยีที่ธุรกิจต้องจับตามองในปี 2024

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับการทำธุรกิจยุคใหม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีนั้นช่วยเพิ่มขีดความสามารถ และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากธุรกิจนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างตรงจุดกับเป้าหมายแล้วนั้นจะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การผู้นำตลาด (Market leader) ในอุตสาหกรรมได้

แล้วในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้นั้นมีเทรนด์เทคโนโลยีด้านใดบ้างที่ธุรกิจควรจับตามอง เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำไปเป็นไอเดีย และนำไปปรับใช้กับการวางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีได้ดีมากยิ่งขึ้น วันนี้ AIGEN ได้สรุป และรวบรวมข้อมูลทั้งจาก Gartner, Square และ PWC รวมถึงประสบการณ์ที่เราได้จากการพูดคุยกับลูกค้าธุรกิจมามากมาย ติดตามอ่านได้ในบทความนี้

เทรนด์เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจประจำปี 2024

7 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสให้กับธุรกิจในปี 2024

1. ผนวก AI เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับธุรกิจ และขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างมาก เนื่องจาก AI Software นั้นเป็นการทำให้คอมพิวเตอร์ทำหน้าที่งานบางอย่างได้เหมือนกับที่มนุษย์เป็นคนทำ ทำให้หน้าที่งานบางอย่างทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น โดยที่บางงานนั้น AI ใช้เวลาทำเพียงไม่กี่วินาทีก็แล้วเสร็จซึ่งแต่เดิมหากต้องใช้คนทำต้องใช้เวลามากกว่า จึงทำให้ AI ยังคงได้รับความนิยมจากภาคธุรกิจต่อไปด้วยความสามารถที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็ว และประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี

ในปี 2023 นี้ AI ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Generative AI หรือ AI ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ขึ้นมาเองได้ จากการเรียนรู้โครงสร้างภาษาต่างๆ ได้ โดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large language model) ตัวอย่างของ Generative AI ที่โด่งดังทั่วโลก นั่นคือ ChatGPT แชทบอท AI ที่ไม่ว่าผู้ใช้งานจะตอบอะไร ChatGPT ก็สามารถตอบได้ และเราคาดว่า Generative AI และ ChatGPT เองนั้นจะยังคงได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานต่อไปในปี 2024 นี้จากความสามารถอันโดดเด่นที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

ส่วนในปี 2024 นั้น เทรนด์ AI ที่น่าสนใจจากรายงานของ Square จะมี 2 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ Predictive AI หรือ AI ที่ใช้สำหรับการคาดการณ์สิ่งต่างๆ จากชุดข้อมูลที่มีอยู่ และอัลกอริทึมของ Machine learning ซึ่งนำมาใช้ทั้งในชีวิตประจำวัน เช่น การพยากรณ์อากาศ จนถึงการนำมาใช้ในธุรกิจ เช่น การคาดการณ์จำนวนสินค้าคงคลังที่เหมาะสม และการคาดการณ์การอนุมัติสินเชื่อสำหรับสถาบันการเงิน เป็นต้น ซึ่งการที่ AI สามารถรวบรวม และสังเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเพื่อสร้างเป็นการคาดการณ์ดังกล่าว ทำให้ Predictive AI เป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญที่เราจะได้เห็นในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ Responsible AI หรือ AI ที่ไว้วางใจได้ เป็นเรื่องของการพัฒนา AI ให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมโดยไม่ขัดกับจริยธรรม และมาตรฐานของสังคม ด้วยการเทรนโมเดล AI ให้เรียนรู้ที่จะพิจารณาถึงผลลัพธ์ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลที่ใช้งาน AI รวมถึงเข้าใจถึงเรื่องการลอกเลียนแบบ และทรัพย์สินทางปัญญา จะเป็นเทรนด์ AI ที่ธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกันมากขึ้น 

2. AI Trust, Risk and Security Management

AI Trust, Risk and Security Management (TRiSM) เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่สำคัญในปี 2024 นี้ เนื่องจากด้วยรูปแบบการเข้าถึง AI ที่เปลี่ยนไปที่ทำให้คนเข้าถึง AI ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เรื่องของความเชื่อใจ ความเสี่ยง และการจัดการความปลอดภัยของการนำ AI ไปใช้งานยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ และจำเป็นมากยิ่งขึ้น 

เนื่องจากหากไม่มีแนวทางการพัฒนา และจัดการที่เหมาะสม ทำให้โมเดล AI มีโอกาสที่จะสร้างผลกระทบในเชิงลบที่ไม่อาจควบคุมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถบดบังสิ่งที่ AI สร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับสังคมได้ โดยที่ AI TRiSM นั้นได้จัดเตรียมเครื่องมือสำหรับการพัฒนาโมเดล AI การปกป้องข้อมูลเชิงรุก ความปลอดภัยเฉพาะของ AI การตรวจสอบโมเดล (รวมถึงการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล การเปลี่ยนแปลงของโมเดล และผลลัพธ์ที่ได้) และการควบคุมความเสี่ยงสำหรับการป้อนข้อมูล (input) และผลลัพธ์ที่ได้สำหรับการใช้งานโมเดล AI ของ Third-party 

Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 นี้ องค์กรต่างๆ ที่ใช้การควบคุม AI TRiSM นั้นจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจโดยกำจัดข้อมูลที่ผิดพลาด และผิดกฎหมายได้มากถึง 80% เลยทีเดียว

อ่านบทความ AI Trends 2024 : เจาะลึกเทรนด์ AI สำหรับธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2024

3. ประหยัดเวลาการทำงานด้วยระบบ Automation

ระบบ Automation เป็นอีกหนึ่งเทรนด์เทคโนโลยีที่จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งเป็นระบบที่จะทำให้ขั้นตอนการทำงานมีประสิทธิภาพ และลดงานที่ซ้ำซ้อน ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ และความคิดสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น  ซึ่งระบบ Automation สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกฝ่ายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบัญชี และการเงิน การให้บริการลูกค้า การขาย และการตลาด เป็นต้น

เพื่อผลักดันให้เกิดการทำงานแบบอัตโนมัตินั้น องค์กรจึงต้องมีการนำระบบ Intelligent application มาใช้งาน ซึ่งเป็นระบบที่สามารถเรียนรู้ถึงการปรับตัวเพื่อตอบสนองผู้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม และตัดสินใจได้เองอย่างอิสระตามความสามารถของระบบ ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบเพื่อช่วยให้การทำงานเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบ Intelligent application นั้นมีเทคโนโลยี AI เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญจึงทำให้สามารถประมวลผลข้อมูล และคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างการนำระบบ Automation เข้ามาใช้งานกับธุรกิจ ได้แก่  การนำบริการ AI-OCR มาใช้เพื่อยกระดับการทำ Data-entry ให้ทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น การนำระบบ e-KYC หรือการยืนยันตัวตนออนไลน์สำหรับธุรกิจมาใช้ในการทำ Customer onboarding รวมไปถึงการนำแชทบอท AI มาใช้ในการตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้นได้แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เป็นต้น

นำระบบ Automation มาใช้เพื่อประหยัดเวลาในการทำงาน

4. ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์

ในช่วงหลายปีหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หุ่นยนต์ได้เข้ามามีบทบาทเนื่องด้วยปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ และห่วงโซ่อุปทาน จากรายงานในปี 2022 พบว่า 62% ของธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา และ 74% ของธุรกิจในทวีปยุโรปนั้นวางแผนลงทุนในการนำหุ่นยนต์ และระบบ Automation มาใช้งานภายใน 3 ปีนี้

แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปในบทความ AI Trends 2024 ว่า AI หรือแม้กระทั่งหุ่นยนต์เองนั้นจะไม่ได้มาทดแทนคนไปทั้งหมด แต่จะมาทำงานร่วมกับคน เพื่อยกระดับขั้นตอนการทำงานให้ทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่พนักงานจะต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันกับหุ่นยนต์ และ AI ได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการนำหุ่นยนต์มาช่วยในการทำงานจะช่วยลดงานรูทีนให้กับพนักงานได้เป็นอย่างดี ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานวางแผนภาพรวมได้มากยิ่งขึ้น เช่น การวางแผนผลิต และการตรวจสอบการทำงานของหุ่นยนต์ หรือ AI เป็นต้น

5. Augmented-Connected Workforce

Augmented-Connected Workforce (ACWF) เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มคุณค่าที่ได้รับจากการทำงานของมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความจำเป็นในการเร่ง และขยายบุคลากรที่มีความสามารถเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนกระแส ACWF โดยที่ ACWF นั้นใช้ระบบ Intelligent applications และการวิเคราะห์กำลังคนเพื่อให้บริบท และคำแนะนำในชีวิตประจำวันเพื่อสนับสนุนประสบการณ์ ความเป็นอยู่ที่ดี และความสามารถในการพัฒนาทักษะของพนักงานยุคใหม่ ในขณะเดียวกัน ACWF นั้นยังช่วยผลักดันให้เกิดผลทางธุรกิจ และผลกระทบในเชิงบวกกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญภายในองค์กร

จนถึงปี 2027 25% ของ Chief Information Officer นั้นจะเริ่มนำความคิดริเริ่มเรื่องของ Augmented-Connected Workforce มาใช้งานเพื่อลดเวลาที่ต้องใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานได้ถึง 50% สำหรับหน้าที่งานสำคัญภายในองค์กร

6. ความยืดหยุ่นด้านไซเบอร์

Cybersecurity หรือความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ เนื่องจากรายงานพบว่าหนึ่งในสองธุรกิจตกเป็นเหยื่อของการโจมตีด้านไซเบอร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับรายงานของ PWC ว่า 79% ของธุรกิจคาดการณ์ว่าจะเพิ่มงบประมาณด้าน Cybersecurity สูงจากปี 2023 ถึง 65% เพื่อป้องกัน และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยของระบบ และข้อมูล 

โดยที่ความยืดหยุ่นทางด้านไซเบอร์นั้นเป็นมากกว่าเรื่องความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ เนื่องจากยังรวมถึงเรื่องของมาตรการที่สามารถนำมาใช้เพื่อฟื้นฟู และให้การทำงานทำได้อย่างต่อเนื่องเมื่อมีการละเมิดการป้องกัน หรือเนื่องจากสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของธุรกิจ นั่นอาจจะหมายถึงการกำหนดวิธีการทำงานทางไกลเพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจยังสามารถดำเนินตามปกติได้เมื่อพนักงานไม่สามารถเข้ามาที่ออฟฟิศได้ เป็นต้น 

การคุกคามทางไซเบอร์กลายเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และการแข่งขันเพื่อนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น AI ออกสู่ตลาดก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าเรื่องของ Cyber resilience นั้นจะกลายเป็นเทรนด์ที่สำคัญตลอดปี 2024 นี้ทั้งในมุมของธุรกิจ และผู้บริโภค

7. เทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน

เทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน หรือ Sustainable Technology จะยังคงอยู่ในความสนใจของคนในปี 2024 นี้ จากที่เราจะเห็นได้จากองค์กรชั้นนำหลายแห่งได้นำเรื่องของ ESG (Environment, Social, และ Governance) มาใช้ในการทำธุรกิจกันมากขึ้น เพื่อไปสู่เป้าหมายของการเป็น Net zero carbon ตามที่ได้ตั้งเอาไว้

Sustainable Technology รวมถึงวิธีการทำสิ่งๆ ต่างที่เราคยทำอยู่แล้วโดยคำนึงถึงธรรมชาติมากขึ้น ตัวอย่างเช่น รถยนต์ และจักรยานไฟฟ้า และขนส่งสาธารณะ ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปี 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ นอกจากนี้ยังรวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบใหม่อีกด้วย ตัวอย่างเช่น การตรวจจับ และจัดเก็บคาร์บอน และพลังงานสีเขียว รวมถึงพลังงานทดแทน อีกทั้งแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) จะเข้ามาเป็นแนวคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความทนทาน รีไซเคิล และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 

รวมถึงในโลกของเทคโนโลยีจะเปิดรับกับแนวคิดเรื่องของ Green cloud computing ซึ่งโฟกัสที่การทำให้โครงสร้างพื้นฐาน และบริการลดการบริโภคพลังงาน และลดการปล่อยคาร์บอน และในเรื่องของการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างยั่งยืน (Sustainable application) ที่เป็นเครื่องมือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น

Sustainable technology เทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน

ต้องการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้งานเพื่อยกระดับการทำธุรกิจของคุณ

เรียกได้ว่าเทรนด์เทคโนโลยีที่ได้กล่าวไปทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ธุรกิจไม่ว่าจะสเกลไหนก็สามารถนำไปใช้เป็นไอเดียในการพัฒนา และต่อยอดธุรกิจต่อไปได้ โดยการเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์กับเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ไปใช้งานจะยิ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี 

หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาเทคโนโลยี AI ไปใช้งาน เพื่อยกระดับการทำงานให้ทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตไปอีกขั้น ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบ และเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ จนถึงการนำโซลูชัน AI ไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ สนใจพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat