5 เทรนด์สำคัญของเทคโนโลยี AI ที่ธุรกิจต้องรู้ในปี 2023
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี AI ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ในหลากหลายมิติ ตั้งแต่แชทบอท และผู้ช่วยเสมือนอย่าง Siri และ Alexa ไปจนถึงเครื่องจักรที่ทำงานได้แบบอัตโนมัติ และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จึงเป็นเรื่องยากที่จะเมินเฉยต่อผลกระทบที่เทคโนโลยี AI มีต่อโลกของเรา ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ได้ถูกนำมาใช้มากที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายของ AI คือ Machine learning ซึ่งเป็นอัลกอริทึมซอฟต์แวร์ขั้นสูงที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น การตอบคำถาม การแปลภาษา หรือการแนะนำเส้นทางการเดินทาง และจะยิ่งทำงานได้ดียิ่งขึ้นหากระบบได้เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมากขึ้น
จากผลสำรวจพบว่าหน่วยงานภาครัฐ และธุรกิจทั่วโลกจะลงทุนกับเทคโนโลยี AI เป็นมูลค่าสูงถึง 500,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2023 ที่จะถึงนี้ และหน่วยงานต่างๆ จะนำเทคโนโลยี AI ไปใช้อย่างไร และ AI จะมีสร้างผลกระทบให้กับธุรกิจในมิติใดบ้าง Bernard Marr นักเขียน Best seller ชื่อดัง และผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาในด้านกลยุทธ์ และเทคโนโลยีให้กับธุรกิจชั้นนำทั่วโลกได้แชร์บทความใน Linkedin ของเขาที่ได้สรุป 5 เทรนด์สำคัญของเทคโนโลยี AI ในปี 2023 เพื่อเป็นแนวทาง และไอเดียให้ธุรกิจได้นำไปปรับใช้กัน และ AIGEN จะนำมาสรุปให้ทุกท่านได้อ่านกันในบทความนี้
อัปเดต 5 เทรนด์สำคัญของเทคโนโลยี AI สำหรับธุรกิจในปี 2023
1. การกระจายตัวของ AI ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
AI จะบรรลุศักยภาพอย่างเต็มที่ได้ก็ต่อเมื่อเทคโนโลยี AI สามารถเข้าถึงทุกคน และทุกบริษัทได้ และทุกฝ่ายได้รับประโยชน์จากการนำ AI ไปใช้งาน และในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม โดยจะเห็นได้ว่าหลายๆ แอปพลิเคชันได้นำฟังก์ชัน AIมาใช้งานกันมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางด้านเทคนิคเฉพาะเหมือนแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ข้อความที่คนกำลังพิมพ์ในสมาร์ทโฟนที่จะช่วยลดเวลาในการพิมพ์ค้นหา หรือการเขียนอีเมลไปยังแอปพลิเคชันที่สามารถสร้างการแสดงภาพ และรายงานที่มีความซับซ้อนได้ด้วยการคลิกเมาส์
ถ้าไม่มีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คุณทำในสิ่งที่ต้องการได้ จึงทำให้เกิดการสร้างสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองเพิ่มมากขึ้น และถึงแม้คุณจะไม่รู้วิธีการเขียนโปรแกรมคุณก็สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยแพลตฟอร์มแบบ no-code และ low-code ที่เติบโตมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้ธุรกิจสามารถที่จะสร้าง ทดสอบ และนำโซลูชัน AI-Powered ที่มีให้บริการไปใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเพียงแค่ลาก และวาง หรือทำตามขั้นตอนที่แพลตฟอร์มได้กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น AIGEN ได้พัฒนาโซลูชัน AI-Powered ที่ให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้งานกันได้ง่ายๆ ผ่านทาง Web portal ของเรา อีกทั้งยังสามารถกำหนด Workflow การทำงานของแต่ละธุรกิจได้เองโดยที่ไม่ต้องมีความรู้ทางด้านเทคนิคก็สามารถทำได้ เพียงทำตามขั้นตอนที่เราได้แนะนำไว้ หากผู้อ่านท่านใดสนใจทดลองใช้งานโซลูชัน AI ของเรา สามารถทดลองใช้งานฟรีได้ที่ Link
ในที่สุดแล้วการแพร่หลายของเทคโนโลยี AI จะทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทายที่เคยเจอมาในอดีตนั่นคือเรื่องของช่องว่างของทักษะทางด้าน AI ที่เกิดจากปัญหาการขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และวิศวกรซอฟต์แวร์ AI ที่มีทักษะ และประสบการณ์ ด้วยการทำให้ทุกคนสามารถเป็นนักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรจำเป็นได้ พลังและประโยชน์ของ AI จะอยู่ใกล้แค่เอื้อมสำหรับพวกเราทุกคน
2. Generative AI
หากคุณถามคนส่วนใหญ่ว่าพวกเขาคิดว่า AI มีประโยชน์อย่างไร พวกเขาอาจจะบอกคุณว่า AI เหมาะกับงานที่ต้องทำเป็นประจำ และต้องทำซ้ำไปมาแบบเป็นอัตโนมัติเป็นหลัก ซึ่งสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในขณะเดียวกันการเติบโตของสาขาทางวิทยาศาสตร์ที่โฟกัสในเรื่องของการสร้างเครื่องมือ และการใช้งาน AI ที่สามารถเลียนแบบหนึ่งในทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์นั่นคือความคิดสร้างสรรค์
โดยอัลกอริทึมของ Generative AI ใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ รูปภาพ เสียง หรือแม้กระทั่งโค้ดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาใหม่ โดยเป็นคอนเทนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกใบนี้
หนึ่งในโมเดล Generative AI ที่โด่งดังมากที่สุดคือ GPT-3 ที่ทางบริษัท OpenAI ซึ่งเป็นวิจัยเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เป็นผู้คิดค้นขึ้น ที่สามารถสร้างข้อความ และเรียงความได้ใกล้เคียงกับที่มนุษย์ทำจนแทบจะแยกไม่ออก โดยสิ่งที่แตกต่างของ GPT-3 เป็นที่รู้จักในชื่อว่า DALL-E ที่ใช้ในการสร้างรูปภาพ
โดยเทคโนโลยีนี้ได้รับการเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนผ่านทางการทดลองที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น วิดีโอ Deepfake ของ Tom Cruise นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกัน และ Metaphysic act เป็นการนำ AI มาสร้างรูปอวาตาร์ได้เหมือนจริงแบบเรียลไทม์โดยนักร้องบนเวทีที่โด่งดังเป็นอย่างมากในรายการ America’s Got Talent ในปีนี้ และในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้เราจะได้เห็นการนำข้อมูลสังเคราะห์ (synthetic data) มาใช้กันบ่อยขึ้นซึ่งธุรกิจสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายวัตถุประสงค์ ด้วยข้อมูลเสียง และวิดีโอสังเคราะห์ทำให้ความจำเป็นในการจับภาพภาพยนตร์ และคำพูดในวิดีโอนั้นหมดไป เพียงแค่พิมพ์ในสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้ชมได้เห็น และได้ยินเข้าไปในเครื่องมือ AI และ AI จะสร้างสิ่งเหล่านั้นให้คุณเอง
3. จริยธรรมทางด้าน AI และ AI ที่สามารถอธิบายได้
การพัฒนาของโมเดลจริยธรรมทางด้าน AI และ AI ที่อธิบายได้ เป็นเรื่องที่สำคัญในหลายเหตุผลด้วยกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุด คือความไว้วางใจ เนื่องจาก AI จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อที่จะเรียนรู้ และบ่อยครั้งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ในหลายๆ เคสของการนำ AI มาใช้งานที่เป็นประโยชน์ และทรงพลังที่สุดนั้นอาจจะต้องใช้ข้อมูลบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลเกี่ยวสุขภาพ หรือข้อมูลทางการเงิน ถ้าพวกเราที่เป็นสาธารณชนทั่วไปไม่เชื่อใจ AI หรือไม่เข้าใจวิธีที่ AI ใช้ในการตัดสินใจ เราจะรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะต้องให้ข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ และสิ่งทั้งหมดก็จะพังทลายลง
ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เราจะได้เห็นถึงความพยายามที่จะก้าวข้ามผ่านปัญหา “Blackbox” หรือกล่องดำของ AI ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้จะทำงานหนักขึ้นที่จะทำให้ระบบ AI เข้าที่เข้าทางมากขึ้นเพื่อทำให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถอธิบายได้ว่า AI มีวิธีการตัดสินใจอย่างไร และใช้ข้อมูลอะไรบ้าง บทบาทของจริยธรรมทางด้าน AI จะเป็นที่พูดถึงมากขึ้น ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดการกับการขจัดอคติ และความไม่ยุติธรรมออกจากระบบการตัดสินใจอัตโนมัติได้ ข้อมูลที่มีอคติได้แสดงให้เห็นว่าจะนำไปสู่ความลำเอียงของผลลัพธ์แสดงออกมาแบบอัตโนมัติได้ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแบ่งแยก และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมได้ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับในโลกที่ AI มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจ้างงาน การเข้าถึงความยุติธรรม และการดูแลสุขภาพ
4. AI ตัวช่วยสำคัญในการทำงาน
ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้ พวกเราจะได้ทำงานกับหุ่นยนต์ และเครื่องจักรอัจฉริยะกันมากขึ้นโดยที่สิ่งเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเราทำให้ได้ดี และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้สามารถอยู่ในรูปแบบของชุดหูฟังที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยทันที และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นกันมากขึ้นในธุรกิจค้าปลีก และสถานที่ทำงานที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม นั่นหมายถึงว่า Augment reality หรือความเป็นจริงเสริมทำให้ชุดหูฟังประกอบ หรือห่อหุ้มไปด้วยข้อมูลดิจิทัลของโลกรอบตัวเรา ในกรณีของการซ่อมบำรุง และการผลิตนั้นเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้เรารู้ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ที่จะช่วยให้เราสามารถระบุถึงอันตราย และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น ชี้ให้เห็นว่าสายไฟกำลังจะมีปัญหา หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีความร้อนเกิดขึ้น เพิ่มโอกาสที่ทำให้ทีมผู้บริหารเข้าถึงข้อมูลบนแดชบอร์ด และระบบรายงานได้แบบเรียลไทม์ โดยที่สามารถให้ข้อมูลภาพรวมของประสิทธิภาพการดำเนินงานได้แบบนาทีต่อนาที ผู้ช่วยเสมือนที่มี AI เป็นตัวขับเคลื่อนนั้นได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นที่นิยมที่ออฟฟิศหลายๆ ที่ ทำให้ตอบคำถามพนักงาน และลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแนะนำข้อมูลต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ธุรกิจบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำงานด้วยวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยสรุปแล้วการพัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกับเครื่องมือผู้ช่วยอัจฉริยะต่างๆ นั้นจะกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานยุคใหม่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นเอง
5. AI เพื่อความยั่งยืน
ในปี 2023 นั้น ทุกบริษัทจะอยู่ภายใต้ความกดดันที่ต้องลดจำนวนการใช้คาร์บอน และทำให้การทำธุรกิจของตนเองส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ในแง่มุมนี้การแข่งขันที่จะนำ AI มาใช้เพื่อสร้างผลกำไรสามารถมีทั้งข้อดี และข้อจำกัดในเวลาเดียวกัน เนื่องจากอัลกอริทึม AI นั้นรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ เช่น เครือข่ายของคลาวด์ และอุปกรณ์ต่างๆ จำเป็นต้องใช้พลังงาน และทรัพยากรเป็นจำนวนมาก หนึ่งในการศึกษาในปี 2019 นั้นพบว่าการเทรนโมเดล Deep learning เพียงครั้งเดียวสามารถปล่อย CO2 ได้ถึง 284,000 กิโลกรัม แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็มีศักยภาพที่จะช่วยให้บริษัทเข้าใจว่าจะสร้างสินค้า และบริการได้อย่างไร และใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่โดยใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ด้วยการระบุแหล่งที่มาของของเสีย และความไม่มีประสิทธิภาพ ความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะนำโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพลังงานหมุนเวียนมาใช้ให้มากยิ่งขึ้นถือเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนไปสู่การส่งมอบ AI ที่มีความยั่งยืน
>> อัปเดตล่าสุด! คลิกอ่านบทความ AI Trends 2024 : เจาะลึกเทรนด์ AI สำหรับธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2024
ต้องการนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับธุรกิจของคุณ
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจยุคใหม่มากยิ่งขึ้น โดยเข้ามามีบทบาทในการทำงานร่วมกับคนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องเรียนรู้ และปรับตัวที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้งานเพื่อยกระดับ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยคำนึงถึงหลักการในการนำ AI มาใช้ได้อย่างถูกต้อง และเกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถ และเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรได้ในระยะยาว
หากธุรกิจของคุณกำลังมองโซลูชัน AI ที่จะเข้าไปยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญของ AI GEN ยินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบขั้นตอนการทำงาน จนถึงการนำการนำโซลูชัน AI ไปใช้งานให้ประสบผลสำเร็จ ติดต่อเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อัจฉริยะ พร้อมช่วยขับเคลื่อนการทำงานของธุรกิจ มีประสบการณ์ให้บริการโซลูชัน AI เพื่อองค์กรระดับประเทศมากมาย