Share

Face Recognition คืออะไร ทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้กับธุรกิจ

เมื่อคุณโพสต์รูปบนเฟซบุ๊ก ระบบจะทำการแท็กเพื่อนที่อยู่ในรูปให้อย่างอัตโนมัติ ถือเป็นหนึ่งในประโยชน์ของเทคโนโลยี Facial Recognition หรือระบบจดจำใบหน้าที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น การนำระบบจดจำใบหน้ามาใช้ในพื้นที่สาธารณะก็มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการถกเถียงเรื่องความสมดุลระหว่างประโยชน์และความเป็นส่วนตัว การเข้าใจและพัฒนากฎระเบียบที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้

ปัจจุบัน Face Recognition คือเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยอำนวยความสะดวกในหลากหลายด้าน ตั้งแต่การปลดล็อกสมาร์ตโฟนด้วยใบหน้า การสแกนเพื่อเข้าสำนักงานโดยไม่ต้องใช้บัตร หรือการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมการเงินที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ต้องจดจำรหัสผ่านที่ซับซ้อน

วันนี้เราจะพาทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Facial Recognition พร้อมวิธีการทำงาน และประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจที่หลากหลาย

Facial Recognition คืออะไร ?

Facial Recognition System คือเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน
ภาพประกอบ : Canva

เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า หรือ Facial Recognition คือการนำเทคโนโลยี Biometrics มาใช้ในการแยกแยะลักษณะต่าง ๆ บนใบหน้าของมนุษย์เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของบุคคลนั้น ๆ ตลาดของเทคโนโลยี Face Recognition มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2024 มีมูลค่าตลาดมากกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกกว่า 15% ต่อปีจนถึงปี 2030

ปัจจุบัน Facial Recognition System คือเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การปลดล็อกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่านด่านตรวจความปลอดภัยที่สนามบิน การชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน และการใช้งานด้านความบันเทิง

เราอยู่ในยุคที่ท่วมท้นไปด้วยจำนวนข้อมูลมหาศาล ทั้งรูปภาพและวิดีโอจำนวนมาก ทำให้ระบบ Face Recognition สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากรูปภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพสูงที่ได้มาจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่มีติดอยู่ทั่วทุกมุมเมือง รวมทั้งภาพจากสมาร์ตโฟน โซเชียลมีเดีย และกิจกรรมทางออนไลน์อื่น ๆ ด้วยความสามารถของ Machine Learning และ Artificial Intelligence ทำให้ซอฟต์แวร์สามารถเข้าใจความแตกต่างของลักษณะต่าง ๆ บนใบหน้าโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ หลังจากนั้นระบบจะค้นหาแพตเทิร์นในข้อมูลและเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อระบุตัวตนของแต่ละบุคคล

Facial Recognition มีวิธีการทำงานอย่างไร ?

แม้ว่าระบบ Facial Recognition ของแต่ละบริษัทจะมีรายละเอียดการทำงานที่แตกต่างกันตามอัลกอริทึมเฉพาะ แต่โดยทั่วไปเราสามารถจัดลำดับขั้นตอนการทำงานของเทคโนโลยีนี้ได้เป็น 3 ประเภทหลัก

ภาพประกอบ : Canva
  1. การตรวจจับใบหน้า (Detection) : เป็นกระบวนการค้นหาใบหน้าในรูปถ่าย หากคุณเคยใช้กล้องที่มีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่แสดงกรอบสี่เหลี่ยมรอบใบหน้า นั่นคือตัวอย่างของขั้นตอนนี้ การตรวจจับใบหน้าเป็นเพียงการค้นหาใบหน้าเท่านั้น ไม่ได้มีการระบุตัวตนของบุคคล
  2. การวิเคราะห์ หรือสิ่งบ่งชี้ (Analysis หรือ Attribution) : เป็นขั้นตอนการสร้างโมเดลใบหน้า โดยวัดระยะห่างระหว่างดวงตา รูปร่างของคาง ระยะห่างระหว่างจมูกถึงปาก จากนั้นแปลงเป็นตัวเลขหรือจุดต่าง ๆ เรียกว่า “Faceprint” ซึ่งฟิลเตอร์ของ Instagram และ Snapchat ที่สร้างความสนุกสนานในการถ่ายภาพ ก็ใช้เทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันนี้
  3. การจำแนกใบหน้า (Recognition) : เป็นขั้นตอนการยืนยันว่าบุคคลในรูปคือใคร ใช้ในการยืนยันตัวตน เช่น ฟีเจอร์ความปลอดภัยบนสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ หรือระบบระบุตัวตนที่ตอบคำถามว่า “บุคคลในรูปนี้คือใคร?”

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการใช้เทคโนโลยี Facial Recognition

ประโยชน์ของ Face Recognition สำหรับธุรกิจมีหลากหลายด้าน นอกเหนือจากการปลดล็อกสมาร์ตโฟนและความสะดวกส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

  • ยกระดับเรื่องความปลอดภัย

เทคโนโลยี Face Recognition ช่วยเพิ่มการตรวจตราความปลอดภัย ทำให้การติดตามเรื่องขโมย การลักทรัพย์ และการตรวจจับผู้บุกรุกทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในระดับประเทศ ระบบนี้สามารถช่วยระบุตัวผู้ก่อการร้ายหรือผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยการสแกนใบหน้า ข้อดีที่สำคัญคือยากต่อการถูกแฮ็ก เนื่องจากใบหน้าเป็นลักษณะเฉพาะบุคคล ไม่เหมือนกับรหัสผ่านที่อาจถูกขโมยได้

  • การประมวลผลที่รวดเร็ว

กระบวนการจำแนกใบหน้าใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีหรือน้อยกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์สำคัญสำหรับธุรกิจในยุคที่ภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

Facial Recognition ตอบโจทย์ความต้องการด้านความรวดเร็วและความปลอดภัยสูง สามารถประมวลผลได้ทันที มีประสิทธิภาพในการยืนยันตัวตน และยากต่อการหลอกระบบ

  • เชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

เทคโนโลยี Face Recognition สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้อย่างไม่ยุ่งยาก เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับองค์กรโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมในการเชื่อมต่อระบบ นอกจากนี้ ระบบยังได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

  • การระบุตัวตนแบบอัตโนมัติ

แต่เดิม พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องอาศัยความสามารถในการจดจำใบหน้าเพื่อระบุตัวบุคคล ซึ่งความจำของมนุษย์มีข้อจำกัดและต้องใช้เวลา ส่งผลต่อความแม่นยำ

แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยี Face Recognition สามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างอัตโนมัติในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และด้วยเทคโนโลยีแบบ 3 มิติและกล้องอินฟราเรด ทำให้ความแม่นยำในการยืนยันตัวตนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ยากต่อการหลอกระบบ

การนำระบบ Face Recognition มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ

1. ตัวช่วยของระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)

Facial Recognition สามารถยกระดับระบบ CRM ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้านค้าและธุรกิจบริการสามารถจดจำลูกค้าประจำได้ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในร้าน ทำให้มอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น การเสนอโปรโมชันเฉพาะบุคคล หรือแนะนำสินค้าตามประวัติการซื้อ แม้แต่โรงแรมชั้นนำก็เริ่มใช้ระบบนี้เพื่อจดจำแขกวีไอพีและมอบบริการพิเศษทันทีที่พวกเขามาถึง

2. นับจำนวนลูกค้าและตรวจจับขโมย

ร้านค้าปลีกสามารถใช้ระบบ Face Recognition เพื่อนับจำนวนลูกค้าที่เข้ามาในร้าน พร้อมกับช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการช็อปปิง และติดตามเส้นทางการเดินในร้าน ข้อมูลเหล่านี้มีค่ามากสำหรับการวางแผนการตลาดและการจัดวางสินค้า

นอกจากนี้ ระบบยังสามารถตรวจจับและแจ้งเตือนเมื่อมีบุคคลที่เคยขโมยสินค้าหรือมีพฤติกรรมน่าสงสัยเข้ามาในร้าน ช่วยลดการสูญเสียจากการขโมยสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ยืนยันรับสิทธิจากภาครัฐ

หน่วยงานภาครัฐทั่วโลกเริ่มนำระบบ Face Recognition มาใช้ในการยืนยันตัวตนผู้รับสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการทุจริตและการสวมสิทธิ์ ในประเทศไทยเอง หน่วยงานภาครัฐก็เริ่มนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนสำหรับการรับสวัสดิการและบริการต่าง ๆ ทำให้กระบวนการมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ใช้เข้าระบบในองค์กร

หลายองค์กรเริ่มเปลี่ยนจากระบบบัตรเข้าออกหรือการสแกนลายนิ้วมือ มาใช้ระบบ Face Recognition ในการควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ในสำนักงาน การใช้ระบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญหายของบัตร หรือการให้บัตรแก่ผู้อื่น และยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับพื้นที่ที่ต้องการการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง

5. ตรวจสอบการเข้าทำงานของพนักงาน

ระบบ Facial Recognition ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการบันทึกเวลาทำงานของพนักงานแทนการใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือหรือการลงชื่อ ข้อดีคือพนักงานไม่สามารถขอให้เพื่อนลงเวลาแทนได้ และระบบยังสามารถเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการมาทำงานของพนักงานได้อีกด้วย

องค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งรายงานว่า การใช้ระบบนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ

6. ใช้สแกนหน้าผู้ใช้งานในสนามบิน

สนามบินทั่วโลกเริ่มใช้ระบบ Face Recognition ในขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การเช็กอิน การตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระ ไปจนถึงการขึ้นเครื่อง ทำให้ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรโดยสารหรือหนังสือเดินทางหลายครั้ง

นอกจากเพิ่มความสะดวกสบายแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยการตรวจสอบว่า ผู้โดยสารที่เช็กอินเป็นคนเดียวกับที่ขึ้นเครื่อง และยังช่วยลดเวลาในการดำเนินการต่าง ๆ ทำให้การบริหารจัดการผู้โดยสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจด้วย AI Face Recognition จาก AIGEN

ส่งท้ายบทความ

ปัจจุบัน Facial Recognition System คือเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับและถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางทั้งในชีวิตประจำวันและภาคธุรกิจ รวมถึงภาครัฐเองก็ได้นำระบบ Facial Recognition มาใช้งานในการยืนยันตัวตน เพื่อใช้รับสวัสดิการต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น ทำให้เห็นว่า ประโยชน์ของ Face Recognition สำหรับธุรกิจนั้นมีอยู่มากมาย ตั้งแต่การเพิ่มความปลอดภัย การมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวให้แก่ลูกค้า ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

สำหรับองค์กรที่กำลังพิจารณานำเทคโนโลยีระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition) มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับธุรกิจ AIGEN พร้อมให้คำปรึกษาด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โดยเฉพาะ เรามีบริการพัฒนาระบบ Face Recognition ที่รองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของธุรกิจคุณ ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัย การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือการจัดการทรัพยากรบุคคล เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวทันเทคโนโลยีและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ติดต่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat