อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดแรง จนหมดไฟ ! Burnout Syndrome ภัยร้ายจากการทำงานที่ควรระวัง
รู้หรือไม่ว่า ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเป็นระยะเวลานานกับความเหนื่อยล้าจากภาวะหมดไฟนั้นมีความแตกต่างกัน เพราะอาการหมดไฟ หรือ Burnout นั้นคือการสะสมของความเครียด ความเหนื่อยหน่าย ความอ่อนล้า ความรู้สึกที่ไม่เป็นที่ต้องการหรืออยากจะละทิ้งหน้าที่การงานเหลือเกิน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกว่าตนนั้นไร้ประสิทธิภาพและไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานเอาเสียเลย
Burnout Syndrome ภัยร้ายจากการทำงานที่ควรระวัง
อาการ Burnout หรือความเหนื่อยหน่ายจากการทำงานเป็นภาวะของความอ่อนล้าทางอารมณ์ จิตใจ และร่างกายที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังจากการทำงานที่ยังไม่ได้รับการจัดการ โดยในขณะที่เรายังคงมีความเครียดอยู่ตลอดเวลา ทำให้แรงจูงใจในการทำงานลดลงและหมดไป จนเกิดเป็นอาการ Burnout Syndrome ได้ ซึ่งอาการนี้เป็นปัญหาใหญ่ของคนวัยทำงานในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดประเภท Burnout Syndrome ว่าเป็นภาวะทางอาชีพ มิใช่ภาวะทางการแพทย์ เนื่องจากอาการ Burnout เป็นโรคที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังจากการทำงาน ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก คนทำงานจึงควรให้ความสำคัญกับการสำรวจความเครียดของตนเองให้ดี และไปพบแพทย์อย่างเหมาะสมตามอาการ เพื่อให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที
ในบทความ The Future of Burnout หนึ่งในผู้เขียนอย่าง Dr. Maslach ได้แบ่งประเภทของอาการ Burnout ออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
- ความเหนื่อยหน่ายจากตัวเอง (Individual burnout) เป็นภาวะความเหนื่อยที่เกิดจากการกดดันตนเองด้วยมาตรฐานที่สูงเกินไป หรือกล่าวได้ว่าบุคคลนั้น ๆ มีความเป็น Perfectionist เกินจนทำให้ตัวเองรู้สึกว่ายังทำได้ดีไม่พอ
- ความเหนื่อยหน่ายจากความสัมพันธ์ (Interpersonal burnout) เป็นภาวะความเหนื่อยที่เกิดจากการรับมือกับเพื่อนร่วมงาน ตัวอย่างเช่น การร่วมงานกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานที่มีนิสัยก้าวร้าว หรือไม่รับฟังนั้นสามารถสุมไฟความเครียดที่คุณมีอยู่แล้วให้โหมกระหน่ำเข้าไปอีก
- ความเหนื่อยหน่ายจากระบบองค์กร (Organizational burnout) การบริหารภายในองค์กรที่ย่ำแย่ เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้พนักงานเกิดอาการหมดไฟ และท้อแท้จากการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเป้าหมายที่สูงเกินความสามารถขององค์กร ส่งผลให้งานไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เป็นต้น
10 สัญญาณเตือน ! ว่าตัวคุณกำลังประสบกับภาวะหมดไฟ
หากคุณกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า
- คุณเคยหงุดหงิดหรือใจร้อนกับเพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าหรือไม่ ?
- คุณคิดงานไม่ออกบ่อย ๆ หรือไม่ ?
- คุณไม่มีสมาธิกับการทำงานเลยใช่หรือไม่ ?
- คุณไม่พอใจกับความสำเร็จในการทำงานของตนเองเลยใช่หรือไม่ ?
- คุณรู้สึกท้อแท้เกี่ยวกับงานของคุณหรือไม่ ?
- คุณรู้สึกเครียดโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีแรงจูงใจไปทำงาน และรู้สึกไร้ค่าหรือเป็นตัวถ่วงของทีมหรือไม่ ?
- คุณต้องพึ่งอาหาร ยา หรือแอลกอฮอล์เพื่อให้รู้สึกดีขึ้นหรือไม่ ?
- นิสัยการนอนของคุณเปลี่ยนแปลงไป หรือนอนไม่หลับหรือไม่ ?
- บ่อยครั้งที่คุณปวดหัว หรือมีปัญหากับระบบกระเพาะอาหารหรือลำไส้โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเนื่องมาจากความเครียดหรือไม่ ?
- คุณกลายเป็นคนชอบเหยียดหยามหรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นในที่ทำงานหรือไม่ ?
และหากคำตอบส่วนใหญ่ของคุณคือ ใช่ นั่นอาจหมายความได้ว่าคุณกำลังพบเจอกับอาการ Burnout อยู่ก็เป็นได้ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ เราแนะนำให้คุณพบแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต เพราะอาการเหล่านี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น
รู้ทันท่วงที และจัดการกับอาการ Burnout ให้ทันเวลา
คุณสามารถป้องกันและรับมือกับอาการ Burnout ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
สร้างสภาวะการทำงานที่ยืดหยุ่น : ลองบอกเล่า หรือหารือเกี่ยวกับข้อกังวลใจกับหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานของคุณ เพื่อคิดหา Best solution หรือวิธีการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพอย่างประนีประนอม พยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่มีอยู่อย่างสันติ หรือกำหนดเป้าหมายการทำงานที่มีความยืดหยุ่น อะไรที่รอได้ก็อย่าไปเร่งมัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกดดันตัวเองหรือกดดันทีมเสียเปล่า
เล่าปัญหาและขอความช่วยเหลือ : หากคุณรู้สึกว่าปัญหาที่กำลังพบเจออยู่นั้นใหญ่เกินกว่าจะแก้ไขด้วยตนเอง การแชร์ปัญหาที่คุณพบเจอให้กับเพื่อนร่วมงาน คนที่คุณไว้ใจ รวมถึงคนรักเพื่อขอความช่วยเหลือ จะทำให้คุณได้รับแรงสนับสนุนและสามารถรับมือกับปัญหานั้น ๆ ได้ นอกจากนี้ การเลือกอยู่ในองค์กรที่มีระบบ HR ที่ดี มีการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของพนักงานอยู่เสมอ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่คุณต้องพบเจอในที่ทำงาน
พาตนไปอยู่กับคนที่มีความคิดในแง่บวก : เมื่อคุณจมอยู่กับความคิดเชิงลบที่กำลังกดขี่ความรู้สึกของคุณว่าคุณนั้นช่างไร้ค่า หรือไม่มีประสิทธิภาพเอาเสียเลย จงพาตนเองไปอยู่กับคนที่จะช่วยให้ดึงคุณออกจากสภาวะนั้น ๆ และพร้อมที่ Cheer up คุณเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ เพื่อนสนิท คนรัก รวมถึงครอบครัวของคุณ ลองหาเวลาว่างออกไปสังสรรค์กับคนอื่น ๆ เพื่อพาตัวเองออกจากวัฏจักรพลังแง่ลบนี้
พักผ่อนให้เพียงพอ : การนอนเป็นทางออกที่ดีเสมอ นอกจากจะช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าทางกายได้แล้ว สุขภาพจิตของคุณจะดียิ่งขึ้นหากได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ลองสร้างบรรยากาศการนอนที่ดี เช่น การจุดเทียนหอม การเปิดเพลงคลอเบา ๆ จะช่วยให้คุณนอนหลับง่ายยิ่งขึ้น ลองทำดูนะ !
หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย : ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโยคะ การฝึกจิตและสมาธิ รวมถึงไทชิ เป็นกิจกรรมคลายความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดี
ออกกำลังกาย : นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณขจัดเรื่องงานออกจากสมอง และจัดการกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น
อาการ Burnout Syndrome ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อจิตใจของคุณเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพร่างกายของคุณได้อีกด้วย ดังนั้น หากรู้ทันและป้องกันได้ทันท่วงเวลา ก็จะสามารถช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีความสุขทั้งกายและใจ AI GEN หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถสำรวจ จัดการ และป้องกันตนเองจากภาวะหมดไฟได้นะ !
.
ยืนหนึ่งเรื่องสวัสดิการและการดูแลพนักงานด้วยระบบ HR ที่ยอดเยี่ยม !
AI GEN บริษัท Start up ด้านเทคโนโลยี AI และ Machine learning ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน พื้นที่ของคนรุ่นใหม่ไฟแรง สามารถทำงานแบบ Hybrid และมีวัฒนธรรมองค์กรสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่โดยเฉพาะ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเรา AI GEN เรากำลังเปิดรับตำแหน่งสายงานทาง Tech ที่น่าสนใจหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น Data scientist, Data engineer, Machine learning engineer และตำแหน่งอื่น ๆ สามารถดูตำแหน่งงานที่กำลังเปิดรับสมัครได้ที่ Link
แหล่งที่มา
https://blog.rescuetime.com/burnout-syndrome-recovery/
https://www.bangkokhospital.com/en/content/burnout-syndrome
https://www.thisiscalmer.com/blog/5-stages-of-burnout
https://hbr.org/2016/11/beating-burnout