Share

AI สแกนใบหน้าและ OCR เพื่อการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจร

การยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน หรือบริการบางอย่างในช่วงที่ผ่านมาจะนิยมใช้วิธีการยืนยันตัวตนด้วย AI สแกนใบหน้า และการยืนยันตัวตนด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งแม้ว่าจะใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่ก็ถือว่ายังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย เพราะอาจถูกแอบอ้างตัวตนได้ เนื่องจากไม่มีกระบวนการ หรือระบบที่ช่วยตรวจสอบได้ว่าผู้ที่ทำการสแกนใบหน้ากับเจ้าของเลขบัตรประจำตัวประชาชนนั้นเป็นคนเดียวกันจริงหรือไม่ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการพัฒนาวิธีการยืนยันตัวตนในรูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจร ที่ถูกนำมาปรับใช้กันในปัจจุบัน

แล้วการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจร จะต้องใช้เทคโนโลยีใดเข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อลดความเสี่ยงในการฉ้อโกงจากการตรวจสอบตัวตนของลูกค้า รวมถึงการยืนยันตัวตนในรูปแบบนี้จะดีกว่าการสแกนใบหน้าหรือการใช้เลขประจำตัวประชาชนอย่างไร ที่สำคัญธุรกิจหรือองค์กรประเภทใดบ้างที่เหมาะสมกับการนำไปปรับใช้ ไปหาคำตอบกันได้ในบทความนี้

การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจรคืออะไร?

ระบบ AI สแกนใบหน้าใช้เพื่อยืนยันตัวตนได้

การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจรนั้น เป็นกระบวนการยืนยันตัวตนที่พัฒนาเพิ่มเติมมาจากการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเพียงขั้นตอนเดียว ซึ่งในกระบวนการนี้ จะเพิ่มเติมการตรวจสอบข้อมูลบนบัตรประชาชนร่วมด้วย เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนตัวที่ให้ไว้ และใบหน้าของผู้ใช้งานนั้นตรงกับข้อมูลบนบัตรประชาชนหรือไม่ หากข้อมูลทั้งหมดสอดคล้องกัน ก็จะสามารถยืนยันตัวตนได้สำเร็จ รวมทั้งหากเป็นธุรกรรมที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูงจะต้องมีการนำ Liveness detection มาใช้งานด้วยเช่นกัน เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลนั้นเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่นำรูปถ่ายของบุคคลมาใช้ ซึ่งจะช่วยป้องกันเรื่องการปลอมแปลงตัวตน

วิธีการยืนยันตัวตนในรูปแบบนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกฉ้อโกงจากการตรวจสอบตัวตนของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยลดโอกาสที่จะถูกมิจฉาชีพสวมรอย หรือแอบอ้างตัวตนได้ เพราะผู้ใช้แอปพลิเคชันหรือลูกค้า จำเป็นจะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนด้วยตนเองเท่านั้น  

การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจรใช้เทคโนโลยีใดบ้าง?

การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจร จำเป็นต้องใช้อย่างน้อยสองเทคโนโลยีร่วมกัน ซึ่งก็คือ Face recognition ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI สแกนใบหน้า ร่วมกับเทคโนโลยี OCR เพื่อใช้ในการอ่านข้อมูลบนเอกสาร ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีจะถูกใช้ดังนี้ 

  • การทำ Face recognition ด้วย AI สแกนใบหน้า จะช่วยยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน ซึ่งจะเป็นการเก็บข้อมูลโครงสร้างใบหน้าของผู้ใช้เอาไว้ว่ามีลักษณะอย่างไร รวมถึงมี Liveness Detection ที่จะช่วยตรวจสอบได้ว่าใบหน้าที่สแกนอยู่นั้นเป็นคนจริง หรือเป็นเพียงรูปภาพ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการถูกนำรูปภาพของเจ้าของข้อมูลมาสวมรอยเพื่อเข้าใช้บริการได้
  • หลังจากที่ระบบ AI สแกนใบหน้า ได้ตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้แล้ว เทคโนโลยี OCR จะถูกใช้ในขั้นตอนต่อไป ซึ่งก็คือการตรวจสอบและอ่านข้อมูลบนเอกสารอย่างบัตรประจำตัวประชาชน โดยที่ OCR จะทำการดึงเอาข้อมูลบนบัตรประชาชนมาตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นบัตรจริงหรือไม่ และทำงานร่วมกับระบบ AI สแกนใบหน้า เพื่อทำการเปรียบเทียบรูปถ่ายบนบัตรประชาชนกับใบหน้าที่สแกนเอาไว้ ว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่

 การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจรดีอย่างไร?

เพราะเลขบัตรประชาชนเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถยืนยันได้ว่า เจ้าของเลขบัตรประชาชนนั้นเป็นใคร มีหน้าตาและมีลักษณะอย่างไร ซึ่งในทางกลับกันการใช้ใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเจ้าของข้อมูลจริงได้เช่นกัน แต่การนำเอาวิธียืนยันตัวตนทั้งสองแบบมารวมเข้าด้วยกัน จะเป็นการยืนยันตัวตนแบบครบวงจรที่จะสามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยืนยันตัวตนได้มากขึ้น  

นอกจากนี้ยังจะเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเหล่าผู้ให้บริการแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วยว่า การแอบอ้าง สวมรอย โดยการใช้รูปปลอม บัตรปลอม หรือมีผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต จะไม่สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นมาทำธุรกรรมต่างๆ ในแอปพลิเคชันได้

การยืนยันตัวตนแบบครบวงจรต้องใช้ AI สแกนใบหน้าร่วมกับ OCR อ่านเอกสาร

องค์กรแบบใดที่ควรใช้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยี Face Recognition และ OCR อ่านเอกสาร?

การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจร เหมาะสำหรับองค์กร และธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัย และแม่นยำในการยืนยันตัวตนสูงสุด และการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น

หน่วยงานของรัฐบาล

หน่วยงานของรัฐบาลที่ให้บริการประชาชนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์ไม่ว่าจะผ่านทางแอปพลิเคชัน หรือผ่านทางเว็บไซต์ก็ตาม ควรใช้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจร เพื่อป้องกันการสวมรอยในการใช้สิทธิ์ต่าง ๆ และเพิ่มความปลอดภัยในการบริการให้กับประชาชนทุกคน

สถาบันการเงิน

สถาบันการเงินอย่างธนาคารที่มีการให้บริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่แม่นยำและปลอดภัย อย่างการยืนยันตัวตนด้วย AI สแกนใบหน้าร่วมกับ OCR สำหรับอ่านบัตรประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้นั้น ๆ เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารจริง ๆ ไม่ใช่การแอบอ้างตัวตนเข้ามาทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อฉ้อโกง หรือขโมยเงินในบัญชีธนาคารออกไป 

ผู้ให้บริการ e-Wallet

นอกจากสถาบันทางการเงินอย่างธนาคารแล้ว ผู้ให้บริการ e-Wallet ต่าง ๆ ก็ควรที่จะเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน e-Wallet ให้กับลูกค้าเช่นกัน ด้วยการใช้วิธียืนยันตัวตนที่มีความแม่นยำสูงสุด เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์จากการถูกฉ้อโกงจากมิจฉาชีพ  

สถานศึกษา

สถานศึกษาอย่างโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่องค์กรที่จัดสอบวัดระดับต่าง ๆ เองก็สามารถใช้ประโยชน์จากการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจรได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเก็บข้อมูลผู้เรียน หรือการยืนยันตัวตนก่อนเข้าเรียน หรือเข้าสอบ เพื่อลดปัญหาการจ้างคนมาเข้าเรียน หรือเข้าสอบแทน 

ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน

องค์กรและธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่สามารถนำเอาเทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบครบวงจรไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ก็คือ บริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน เพราะสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย ให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงยังทำให้แอปพลิเคชันที่ได้พัฒนาขึ้นน่าใช้งานมากขึ้นด้วย

หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจเทคโนโลยี AI สแกนใบหน้า และ OCR ที่พัฒนาโดยระบบ AI เพื่อช่วยให้การยืนยันตัวตนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงมีความแม่นยำและปลอดภัยสูง สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat