Share

AI Trends 2025 : รวมเทรนด์ AI ที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจในปี 2025

ในปี 2024 นี้ยังคงเป็นปีที่เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยม และได้รับการพูดถึงในกลุ่มธุรกิจอย่างแพร่หลาย จากความสามารถของ AI ที่นำมาประยุกต์ใช้งานกับธุรกิจได้หลากหลายมิติ และตอบโจทย์กับการทำงานยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเครื่องมือ Generative AI อย่าง ChatGPT และ Google Gemini ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ได้รับความนิยม และผู้พัฒนาเครื่องมือ Generative AI อย่าง OpenAI เองก็ได้มีการพัฒนาโมเดลเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถประยุกต์นำเครื่องมือ Generative AI ไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น

และในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้นั้นจะมีเทรนด์ AI อะไรบ้างที่น่าสนใจที่ธุรกิจจะต้องจับตามองกันบ้าง เพื่อให้ธุรกิจนำเทรนด์ AI เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้งาน และก้าวให้ทันกับเทคโนโลยี AI ที่ได้พัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงนำ AI ไปใช้งานเพื่อยกระดับการทำธุรกิจให้ตอบโจทย์กับความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้ายุคใหม่ได้มากยิ่งขึ้น

AI trends ในปี 2025 ที่ธุรกิจต้องจับตามอง

เจาะลึก 5 เทรนด์ AI ที่ธุรกิจต้องจับตามองในปี 2025

1. AI ยังคงเป็นผู้ช่วยสำคัญในการทำงานให้กับธุรกิจ

ในปี 2024 เราได้เห็นว่าซอฟต์แวร์หลักๆ ส่วนใหญ่ได้เพิ่มฟีเจอร์การเชื่อมต่อกับ Generative AI เข้าไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับซอฟต์แวร์ตอบโจทย์การทำงานผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Microsoft office Adobe และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเทรนด์การนำ AI มาเป็นผู้ช่วยในการทำงานของซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ธุรกิจให้ทำงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้นนั้นยังคงดำเนินต่อไปในปี 2025 นี้ โดยการนำ AI มาทำงานร่วมกันกับมนุษย์ เพื่อช่วยลดภาระงานบางอย่างให้กับพนักงาน ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ และความคิดสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบ AI-OCR มาใช้ในการดึงข้อมูลจากเอกสารได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติที่จะช่วยพนักงานลดภาระการกรอกข้อมูลแบบแมนนวล ทำให้ธุรกิจนำข้อมูลที่ดึงได้จากเอกสารไปใช้ประมวลผลในขั้นการทำงานถัดไปได้แบบเรียลไทม์ หรือจะเป็นการนำ AI assistant มาประยุกต์ใช้ในการตอบคำถามพนักงานภายในองค์กร หรือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติ เป็นต้น โดยในปี 2025 นี้เราจะได้เห็นการนำ AI มาใช้กับธุรกิจที่สร้างคุณค่า และมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การนำ AI มาใช้ตามแฟชั่น หรือเทรนด์ แต่เป็นการนำ AI มาใช้งานเพื่อสร้างประโยชน์สูงสูดให้กับองค์กรทั้งในแง่ของการยกระดับขั้นตอนการทำงาน และประสบการณ์การให้บริการลูกค้า 

2. การนำ AI มาช่วยตัดสินใจอัตโนมัติแบบเรียลไทม์

เมื่อธุรกิจเริ่มมีความเข้าใจกับจุดแข็งของ AI และมีวิธีในการรับมือกับความท้าทายของการนำ AI มาใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เข้าใจ และเริ่มคุ้นเคยกับการนำ AI มาใช้งานจะเริ่มนำ AI มาใช้กับขั้นตอนการทำงานของธุรกิจแบบ End-to-end หรือแบบครบวงจรกันมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะเป็นการนำ AI มาใช้กับการทำ Customer onboarding ลูกค้า หรือการนำ AI มาใช้ในการให้บริการลูกค้า หรือการนำ AI มาใช้กับการอนุมัติการเคลมประกัน เป็นต้น ซึ่งโซลูชัน AI จะทำให้ขั้นตอนการทำงาน และช่วยให้การตัดสินใจทำได้อย่างแบบอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น 

โดยการนำ AI มาช่วยในการตัดสินใจบางอย่างให้ทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้นนั้นจำเป็นต้องออกแบบขั้นตอนการทำงานให้ตอบโจทย์กับธุรกิจ และพิจารณาดูว่าสามารถนำโซลูชัน AI ไปใช้เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย และแก้ Pain point ด้านใดของธุรกิจ รวมไปถึงออกแบบว่าขั้นตอนใดที่มีความสำคัญที่จำเป็นต้องให้คนเข้าไปช่วยในการตัดสินใจ หรือขั้นตอนใดที่สามารถให้ AI ตัดสินใจได้แบบอัตโนมัติ เป็นต้น เนื่องจากในแต่ละธุรกิจย่อมมีขั้นตอนการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ธุรกิจจะต้องพูดคุยกับผู้ให้บริการ AI เพื่อออกแบบโซลูชันร่วมกันให้ตอบโจทย์กับการทำงานของธุรกิจได้มากที่สุด

อย่างในขั้นตอนการเคลมประกันของธุรกิจประกัน การนำ AI เข้ามาใช้เพื่อทำให้ขั้นตอนการเคลมประกันทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น จะมีตั้งแต่การนำ AI-OCR มาใช้ในการดึงข้อมูลจากเอกสารต่างๆ และส่งข้อมูลเข้าไปในระบบเพื่อให้ AI ใช้ในการประมวลผลร่วมกันกับพนักงานว่าจะอนุมัติการเคลมหรือไม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจากแต่เดิมที่ต้องใช้คนทำทั้งหมด และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วยบริการการเคลมที่รวดเร็ว ทันใจ

3. การนำ AI assistant / AI Agent มาใช้งาน

AI assistant หรือผู้ช่วย AI เป็นหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่จะเข้ามามีบทบาทกับการทำงานยุคใหม่มากขึ้นโดยเฉพาะในปี 2025 นี้ โดย Gartner ได้คาดการณ์ว่าการตัดสินใจที่เกี่ยวกับการทำงานประจำวันอย่างน้อย 15% จะมี AI assistant เป็นผู้ช่วยในการทำงานได้แบบอัตโนมัติ จึงทำให้ในปี 2025 เราน่าจะได้เห็นการนำ AI assistant มาใช้งานกับธุรกิจในรูปแบบต่างๆ กันมากยิ่งขึ้น

โดยที่การนำ AI assistant นั้นสามารถทำได้ตั้งแต่การช่วยทำงานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น การเขียนอีเมล เขียนโค้ด คิดแผนงานต่างๆ ไปจนถึงนำไปใช้เพื่อยกระดับ และสร้างประสบการณ์การให้บริการลูกค้าที่เป็นหนึ่งใน Use case ที่ได้รับความนิยมจากธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม 

ตั้งแต่การนำ AI assistant มาใช้เป็น AI Chatbot เพื่อให้ข้อมูล และตอบคำถามลูกค้าได้แบบอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้ายุคใหม่ที่ต้องการบริการที่สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของการนำ AI assistant ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากหลากหลายธุรกิจ

รวมไปถึงการนำ AI assistant มาใช้เป็นระบบค้นหาข้อมูลภายในองค์กร (Internal search engine) ที่ไม่ว่าพนักงานจะถามอะไร AI assistance จะช่วยหาคำตอบได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการค้นหาข้อมูล ทำให้พนักงานนำข้อมูลไปใช้งานต่อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมให้ดีมากยิ่งขึ้น

AI assistant หนึ่งในเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม

4.  การใช้ AI เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ

ความยั่งยืนถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ธุรกิจยุคใหม่ให้ความสำคัญ และยังจะเป็นสิ่งที่สังคม และธุรกิจยึดเป็นหลักในการดำเนินงานในปี 2025 ที่จะถึงนี้ โดยที่เราสามารถออกแบบให้การนำ AI ไปใช้งานกับธุรกิจสามารถสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจต้องการจะยกระดับองค์กรให้เป็น Paperless organization หรือใช้กระดาษให้น้อยที่สุด เพื่อลดการตัดต้นไม้ ธุรกิจสามารถเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บเอกสารให้อยู่ในรูปแบบของไฟล์ดิจิทัล และนำระบบ AI-OCR มาใช้เพื่อดึง และประมวลผลจากเอกสารเข้าไปในระบบได้ เป็นต้น รวมไปถึงการนำระบบ AI-Knowledge management มาช่วยในการค้นหาข้อมูลจากไฟล์เอกสาร เป็นต้น

นอกจากนั้น AI ยังสามารถนำไปใช้เพื่อคาดการณ์การใช้ทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นคาดการณ์การใช้พลังงาน การจัดการขยะ หรือการจราจร รวมไปถึงคาดการณ์ และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้วัตถุดิบที่น้อยลง และเพิ่มความคุ้มค่าในการผลิต ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

5. การนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่ม และมีความซับซ้อนมากขึ้นในปี 2025 ที่จะถึงนี้ จึงทำให้การนำระบบ AI มาช่วยในการตรวจจับการละเมิดกฎหมาย หรือข้อบังคับต่างๆ เป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ รวมไปถึงการระบุถึงความผิดปกติในการทำธุรกรรมต่างๆ และการทำให้ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นอัตโนมัติเพื่อรับมือกับภัยคุกคามก่อนที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง 

โดยที่การนำ AI มาใช้เพื่อป้องกันการทุจริตนั้นสามารถทำได้ทั้งการออกแบบให้โมเดล AI หรืออัลกอริทึมสามารถตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติได้อยู่เบื้องหลัง เพื่อแจ้งเตือนให้ธุรกิจทราบก่อนที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง รวมไปถึงการนำ AI-Chatbot มาใช้เพื่อสอนให้ผู้ใช้งานสามารถสังเกต และหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่มีโอกาสจะโดนหลอกหลวงได้เช่นกัน

สนใจนำโซลูชัน AI ไปใช้งานเพื่อยกระดับการทำงานของธุรกิจในปี 2025 นี้

AI ยังคงมีบทบาทสำคัญสำหรับการทำธุรกิจ จากการเปลี่ยนผ่านจากยุค Digital transformation มาสู่ยุค AI transformation AI สามารถช่วยธุรกิจได้ตั้งแต่การทำงานในชีวิตประจำวันทั่วไปไปจนถึงการนำ AI ไปใช้เพื่อยกระดับขั้นตอนการทำงาน หรือ Business process บางอย่างให้มีความคล่องตัว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น โดยในปี 2025 นี้จะเป็นการโฟกัสการนำ AI ไปใช้เพื่อสร้างมูลค่า หรือ Value ให้กับธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรมได้มากยิ่งขึ้น

หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาโซลูชัน AI ไปใช้งาน เพื่อยกระดับการทำงานให้ทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตไปอีกขั้น ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบ และเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ จนถึงการนำโซลูชัน AI ไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ สนใจพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat