Share

Digital lending กับเทคโนโลยี AI มิติใหม่ของการกู้ยืมเงินในยุคดิจิทัล

“ฟินเทค” หรือ เทคโนโลยีทางการเงินเป็นอีกหนึ่งคำที่ได้ยินกันบ่อยในไม่กี่ปีมานี้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้คำนิยามของฟินเทคไว้ว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว ความปลอดภัย ลดต้นทุนที่เกิดขึ้น และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการได้ดียิ่งขึ้น  และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆต่างนำฟินเทคเข้ามาใช้ในการสร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงขั้นตอนการให้บริการที่สะดวก และรวดเร็ว ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบัน 

Digital lending หรือสินเชื่อดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการเงินในการกู้ยืมเงินที่เกิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีได้มีรายได้ประจำ กลุ่มที่ไม่สามารถพิสูจน์รายได้ และกลุ่มที่ไม่มีหลักประกัน โดยผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลจะพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อผ่านทางข้อมูลทางเลือก (Alternative data) ต่างๆตามที่แบงก์ชาติได้กำหนดไว้ เช่น ข้อมูลการชำระเงิน การซื้อขายสินค้าและบริการผ่าน e-commerce platform เป็นต้น รวมถึงใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำธุรกรรมเบิกจ่าย และชำระหนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ

โดยแนวโน้มในการปล่อยสินเชื่อดิจิทัลนั้นมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทั้งธนาคารพาณิชย์เอง และผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) หันมาให้บริการปล่อยกู้ทางออนไลน์กันมากขึ้น โดยเป็นการนำข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในการพิจารณาสินเชื่อให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็วได้มากยิ่งขึ้น ในบทความนี้ AIGEN จะพามาทำความรู้จักกับสินเชื่อดิจิทัลกันอย่างละเอียด พร้อมกับทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของ Digital lending ที่เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการทำให้ธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จ 

Digital lending
ภาพประกอบ : Canva

Digital lending คืออะไร

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ให้ความหมายของ Digital lending หรือสินเชื่อดิจิทัลไว้ว่า หมายถึง กระบวนการให้กู้ยืมเงิน (รับสมัคร/ปล่อยสินเชื่อ) ที่มีการบริหารจัดการหรือดำเนินงานผ่านช่องทางดิจิทัล ในทางปฏิบัติผู้ให้กู้จะนำเทคโนโลยีในรูปแบบต่าง ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการให้บริการสินเชื่อ รวมถึงเมื่อปี 2564 แบงก์ชาติได้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับวงการสินเชื่อด้วยการต่อยอดไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (Digital personal loan) ซึ่งเป็นสินเชื่อยุคใหม่เพื่อคนตัวเล็กที่แตกต่างไปจากการให้สินเชื่อในรูปแบบเดิม และสร้างโอกาสให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลทางเลือก (alternative data) และแบงก์ชาติได้ให้ความหมายของสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลไว้ว่าเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลทางเลือก (alternative data) มาใช้ในการให้บริการสินเชื่อในขั้นตอนของการประเมินความสามารถหรือความเต็มใจในการชำระหนี้ การเบิกจ่ายและรับชำระคืนสินเชื่อ และการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ

อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลเมื่อเดือนกันยายน 2563 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. ใช้ข้อมูลทางเลือก (Alternative data) ในการพิจารณาสินเชื่อได้ : ข้อมูลการชำระเงิน การซื้อขายสินค้าและบริการผ่าน e-commerce platform ในการประเมินความสามารถหรือความเต็มใจในการชำระหนี้ของผู้บริโภคแทนการพิจารณาฐานะการเงินจากรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงินฝาก
  2. ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีในขั้นตอนการสมัครใช้บริการสินเชื่อ (ช่องทางออนไลน์/mobile application) และกระบวนการตรวจสอบตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC)
  3. นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเบิกจ่าย และรับชำระหนี้คืน : เช่น เบิกจ่ายและรับชำระคืนผ่านการโอนเงิน รวมถึงชำระหนี้ผ่านการตัดบัญชีโดยใช้บัญชีสถาบันการเงิน หรือเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money)
  4. เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ เช่น อัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าธรรมเนียม และการแสดงภาระหนี้ เพื่อสร้างความโปร่งใสและให้ผู้กู้มีข้อมูลที่ชัดเจนในการตัดสินใจ

นอกจากนี้ยังมีกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการให้บริการสินเชื่อบุคคลดิจิทัลไว้ดังต่อไปนี้

  • ผู้ประกอบธุรกิจสามารถให้สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลแก่ผู้บริโภคแต่ละรายรวมไม่เกิน 20,000 บาท
  • มีกำหนดระยะเวลาการชำระคืนสินเชื่อแต่ละสัญญาไม่เกิน 6 เดือน
  • ไม่จำกัดวัตถุประสงค์ในการกู้ยืม
  • กำหนดอัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ รวมกันไม่เกินร้อยละ 25 ต่อปี

สินเชื่อส่วนบุคคลแบบดิจิทัลมีการนำเทคโนโลยี และข้อมูลทางเลือกที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก (Alternative data) มาใช้ในการให้บริการ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถประเมินความสามารถหรือความเต็มใจในการชำระหนี้ของผู้กู้ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงสินเชื่อได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ และกลุ่มที่ไม่มีหลักประกัน ลดปัญหาที่คนต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบ รวมทั้งยังเป็นการสร้าง digital footprint ในระบบให้กับผู้ที่มาใช้บริการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการใช้บริการทางการเงินอื่นๆในอนาคตได้

ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลทั้งที่เป็นสถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงินทั้งหมด 9 รายได้แก่

  1. บริษัท ซีมันนี่ (แคปปิตอล) จำกัด
  2. บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด
  3. บริษัท จีฟิน เซอร์วิสเซส (ที) จำกัด (ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ)
  4. บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ)
  5. บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ)
  6. บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  7. ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  8. บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด
  9. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

Digital lending มาพร้อมกับ Alternative data

Alternative data
ภาพประกอบ : Canva

ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจกับการอนุญาตให้ใช้ข้อมูลทางเลือก หรือ Alternative data ในการพิจารณาการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ได้ ซึ่งแต่เดิมนั้นข้อมูลที่ใช้ในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้มักเป็นข้อมูลในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางการเงิน ข้อมูลที่บ่งชี้ด้านรายได้ หรือข้อมูลที่แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อของผู้รับบริการ เช่น รายการเดินบัญชี สถานะทางบัญชี สลิปเงินเดือน ยอดขาย หรือคำสั่งซื้อ ประวัติการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิต ซึ่งข้อจำกัดของการเก็บข้อมูลเครดิตที่จำกัด คือ ผู้ให้สินเชื่อจะพิจารณาให้สินเชื่อเพียงเพราะทราบข้อมูลในด้านรายได้และประวัติการชำระหนี้เพียงด้านเดียว โดยไม่ทราบถึงข้อมูลในเชิงพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การวิเคราะห์และเชื่อมโยงไปถึง “ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้” ได้

โดย Alternative data จะมาเป็นเครื่องมือในการช่วยตัดสินใจให้กับผู้ให้สินเชื่อ ลบข้อจำกัดของการพิจารณาสินเชื่อแบบเดิมที่ต้องใช้ข้อมูลในการบ่งชี้รายได้ และฐานะทางการเงินเท่านั้น มาเป็นการใช้ข้อมูลทางเลือกอื่นๆที่หลากหลายมากขึ้นในการวิเคราะห์สินเชื่อ เช่น ข้อมูลที่เก็บจากกิจกรรมออนไลน์ เก็บจากการใช้ Social media และ เก็บจากแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าภาษีอากร และค่าบริการต่างๆ ว่าถูกต้องตรงตามกำหนดเวลาหรือไม่ ทำให้ผู้ให้สินเชื่อสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ขอสินเชื่อเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลได้ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้บุคคล หรือกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ หรือไม่ได้มีหลักประกันต่างๆมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจากนั้นเพื่อให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลนำ Alternative data ไปใช้งานได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว การนำ AI-Powered OCR เข้ามาช่วยในการดึงข้อมูลจากเอกสารประเภทต่างๆได้แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าภาษีอากร และค่าบริการต่างๆ ทำให้ประหยัดเวลา และจำนวนพนักงานที่ต้องใช้ในการกรอกข้อมูลแบบแมนนวล อีกทั้งยังทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลสามารถอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการอีกด้วย

>> เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ aiScript ระบบประมวลผลเอกสารแบบอัจฉริยะ ตัวช่วยสำคัญของธุรกิจสินเชื่อในยุคดิจิทัล

ยกระดับการปล่อยสินเชื่อดิจิทัล หรือ Digital lending ด้วย AI

artificial intelligence
ภาพประกอบ : Canva

Digital lending เป็นการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เพื่อทำให้คนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ง่ายมากขึ้น โดยกระบวนการกู้ยืมเงินทั้งตั้งแต่การสมัคร และปล่อยสินเชื่อจะต้องผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งหมด ดังนั้นเทคโนโลยีจึงมีบทบาทสำคัญในการทำให้กระบวนการของสินเชื่อดิจิทัลประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ที่จะเข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลในแต่ละรายได้ เนื่องจาก AI สามารถค้นพบ และเรียนรู้รูปแบบพฤติกรรมของลูกค้าที่ช่วยทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างเป็นจุดขายที่มีความแตกต่าง และโดดเด่นจากคู่แข่งรายอื่นๆในที่มีอยู่ในตลาดได้ โดย AI ได้สร้าง Impact ที่สำคัญให้กับผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลได้ในด้านต่างๆดังต่อไปนี้

1. การหาลูกค้าใหม่ หรือ Customer acquisition

Customer buying journey หรือการเดินทางของลูกค้าสำหรับการขอสินเชื่อนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และลูกค้าในปัจจุบันอยู่ในโลกออนไลน์แทบจะตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ทำให้ลูกค้าได้ทิ้งร่องรอยของพฤติกรรมบนโลกออนไลน์เอาไว้ในแพลตฟอร์ม เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆของผู้ให้บริการสินเชื่อ รวมถึงการคาดการณ์ว่าลูกค้ามีความสนใจ หรือความตั้งใจที่จะสมัครใช้บริการสินเชื่อมากน้อยเพียงใด

สิ่งที่ AI ทำในขั้นตอนนี้คือสร้างโมเดล หรือต้นแบบของความตั้งใจในการซื้อของลูกค้าโดยใช้ข้อมูลที่ได้จากบนเว็บไซต์ของผู้ให้บริการสินเชื่อเอง ข้อมูลการค้นหา และข้อมูลอื่นๆ ต่อมาระบบจะทำการแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยใช้ผลข้อมูลที่ได้จากการทำโมเดล AI นั่นเอง ซึ่งกลุ่มลูกค้าอาจจะแบ่งได้ 3 ประเภท ได้แก่ “กลุ่มที่ต้องเข้าให้ถึง” “กลุ่มที่ต้องใช้ความพยายามในการเข้าถึงมากกว่านี้” และ “กลุ่มที่ไม่สนใจซื้อ” โดยสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าให้ละเอียดกว่านี้ได้ขึ้นอยู่กับโจทย์ และวัตถุประสงค์ของธุรกิจ และเมื่อนำข้อมูลกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์จะทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลสามารถเข้าถึง และนำเสนอในสิ่งที่กลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มต้องการได้ และสามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่ในช่วงที่ลูกค้าเริ่มมีปฎิสัมพันธ์กับธุรกิจ

นอกจากนั้น AI ยังสามารถช่วยในเรื่องของการนำเสนอ ‘Next Best Offer’ หรือ ‘Next Best Action’ เหมือนกับการตลาดแบบเจาะจง หรือ Precision marketing โดยที่ผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถเข้าถึงลูกค้าได้แบบรายบุคคลผ่านการนำเสนอสินค้าแบบ Personalization เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทำการเปิดใช้บริการสินเชื่อให้สำเร็จ

2. Credit scoring หรือคะแนนเครดิต

NCB หรือ National Credit Bureau ได้ให้ความหมายของ Credit scoring ไว้ว่าคือตัวชี้วัดความน่าจะเป็นในการชำระคืนหนี้ โดยใช้วิธีการทางสถิติในการประมวลผลข้อมูลโดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งในขั้นตอนการประเมิน Credit scoring ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สำคัญ รวมถึงเป็นจุดที่สำคัญในการใช้สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจสำหรับผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัล นอกจากนี้ในปัจจุบันกระบวนการนี้ยังใช้เป็นรูปแบบแมนนวล หรือแบบใช้กฎเกณฑ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ให้กู้ มากกว่าไปนั้นขั้นตอนของ Credit scoring ยังถูกขับเคลื่อนโดยสาขาของธนาคารโดยผู้จัดการที่ดูแลในเรื่องของคะแนนเครดิตจะเป็นรับผิดชอบในเรื่องการพิจารณาการให้เครดิต โดยสรุปแล้ว Credit scoring เป็นทั้งเรื่องของกระบวนการจัดการ และตัวขับเคลื่อนสำคัญของผู้ให้บริการสินเชื่อ เทคโนโลยี AI สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการตรงนี้ให้รวดเร็ว และแม่นยำขึ้นได้ และช่วยทำให้ผู้บริการสินเชื่อดิจิทัลสามารถเพิ่มฐานลูกค้าในพอร์ทให้มากขึ้นได้ แล้ว AI จะเข้ามาช่วยได้อย่างไร? AI ทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่า  Alternate Credit Mechanism หรือกลไกทางเลือกในการพิจารณาเครดิต ซึ่งจะมาเปลี่ยนกระบวนการนี้ให้ดำเนินการแบบอัตโนมัติหรือ Automation ด้วยเทคโนโลยี AI 

โดย AI จะใช้ข้อมูลที่ธุรกิจมีอยู่ที่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของลูกค้า ประวัติทางการเงิน ประวัติการเสียภาษีเงินได้ และอื่นๆ แล้วนำมาคำนวณเพื่อออกมาเป็นผลคะแนน Credit risk ของลูกค้าแต่ละคนได้ ผู้ให้บริการสินเชื่อจะใช้ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลอื่นๆเพื่อใช้ในการพิจารณาคะแนนเครดิต แต่การนำ AI เข้ามาใช้จะทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลอื่นๆเพื่อนำมาพิจารณาการให้คะแนนเครดิตได้มากยิ่งขึ้น ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจอีกด้วย

แล้วข้อมูลอื่นๆที่นำมาใช้ในการพิจารณาคะแนนเครดิตคืออะไร? ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้ว่าในการพิจารณาสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลนั้นอนุญาตให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลสามารถนำข้อมูลทางเลือก หรือ Alternative data มาใช้ในการพิจารณาการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ได้ เช่น ข้อมูลที่เก็บจากกิจกรรมออนไลน์ เก็บจากการใช้ Social media และ เก็บจากแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าภาษีอากร และค่าบริการต่างๆ ว่าได้มีการชำระถูกต้องตรงตามกำหนดเวลาหรือไม่ 

ซึ่งโมเดล AI สามารถที่จะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ทั้งข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของ Structured และ Unstructured และโมเดลข้อมูลเหล่านี้ขึ้นมาโดยให้ออกมาเป็นผลลัพธ์ที่อยู่ในรูปแบบของ Credit score ได้ โดย Credit score เหล่านี้สามารถคาดการณ์ได้ทั้งแบบเรียลไทม์ หรือแบบออฟไลน์ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลว่าจะเลือกใช้เป็นในรูปแบบไหน

ด้วยการนำ AI มาใช้ในการพิจารณา Credit score นั้นทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลสามารถประเมินเครดิตของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำได้โดยอัตโนัมติ และให้บริการกับคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้ อีกทั้งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเดิมเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติแล้วล่วงหน้า หรือสามารถเข้าถึงผู้ที่มีแนวโน้มที่จะมาเป็นลูกค้าใหม่ได้เช่นกัน ด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถส่งข้อความแบบรายบุคคลเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า และในขณะเดียวกันทำให้พอร์ตของสินเชื่อของธุรกิจเติบโตขึ้นได้อีกด้วย อีกทั้งกลไกทางเลือกในการพิจารณาเครดิตที่มี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนั้นทำให้ลดความเสี่ยงในการปล่อยกู้ และสร้างมาตรฐานในการพิจารณาการอนุมัติเงินกู้ให้กับธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆได้

3. ยกระดับกระบวนการการปล่อยสินเชื่อด้วยการทำงานแบบอัตโนมัติ

นอกจากจะใช้ AI มาช่วยให้การพิจารณา Credit scoring สามารถทำได้แบบอัตโนมัติแล้วนั้น AI สามารถทำให้กระบวนการการขอกู้ยืมเงินผ่านช่องทางออนไลน์นั้นทำได้โดยอัตโนมัติในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครเพื่อขอใช้บริการ จนถึงขั้นตอนการเบิกจ่าย และชำระเงินคืนที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้ว่าผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลจะต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในขั้นตอนการเบิกจ่ายและชำระเงินคืนด้วยเช่นกัน 

เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครเพื่อใช้บริการสินเชื่อดิจิทัล ลูกค้าสามารถกรอกใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่นของผู้ให้บริการสินเชื่อต่างๆ หลังจากนั้นระบบจะให้ทำการอัพโหลดหลักฐานเพื่อทำการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-KYC พร้อมทั้งถ่ายรูปใบหน้าเพื่อทำการเปรียบเทียบกับในบัตรประชาชนว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน โดยมี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI-Powered OCR ในการดึงข้อมูลจากบัตรประชาชนแบบอัตโนมัติ และ AI-Powered e-KYC ในการส่งข้อมูลบัตรประชาชนไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง และสแกนใบหน้าเพื่อตรวจสอบกับรูปในบัตรประชาชนว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จนถึงขั้นตอนของการอนุมัติเงินกู้โดยใช้ AI ในการพิจารณา Credit score เพื่อพิจารณาว่าจะอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าคนนี้หรือไม่อย่างไร โดยการนำ AI มาใช้ในทุกขั้นตอนของการทำ Digital lending ทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลสามารถพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ในปัจจุบันใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนโลกออนไลน์ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจในพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็วจากการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้ขั้นตอนการทำงานในการอนุมัติสินเชื่อสามารถทำได้โดยอัตโนมัตินั่นเอง

รู้จักกับโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจ Digital lending

AIGEN ได้พัฒนา aiLending โซลูชัน AI-Powered digital lending platform บริการโซลูชัน AI ที่จะทำให้ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร และ Non bank ทำได้แบบอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะลดภาระงานแมนนวลของพนักงาน และทำให้ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของสถาบันการเงินที่ต้องการให้ลูกค้าได้รับเงินสินเชื่อได้แบบรวดเร็ว ทันใจ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ

โดยบริการ aiLending นั้นครอบคลุมถึงขั้นตอนการขออนุมัติสินเชื่อออนไลน์ได้แบบครบวงจร ทำให้ลูกค้าผู้ที่สนใจจะใช้บริการสินเชื่อออนไลน์นั้นสามารถสมัครใช้บริการ ยื่นเอกสาร และติดตามผลการอนุมัติสินเชื่อได้เองผ่านทางเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของธุรกิจ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สาขาเพื่อสมัครยื่นขออนุมัติ ตั้งแต่ขั้นตอนการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้บริการขอสินเชื่อ การยื่น และตรวจสอบข้อมูลในเอกสาร การวิเคราะห์ และประเมินเครดิตของลูกค้า (Credit scoring) การตรวจสอบการทุจริต จนถึงขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อจะสามารถทำได้แบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น โดยพนักงานมีหน้าที่ในการตรวจสอบขั้นตอนสุดท้ายเพียงเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนในการอนุมัติสินเชื่อออนไลน์ของสถาบันการเงินทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ด้วยบริการที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองผ่านทางสมาร์ตโฟนเพียงเครื่องเดียว

📍อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ aiLending โซลูชัน AI สำหรับธุรกิจ Digital lending

ต้องการนำ AI ไปใช้งานกับธุรกิจ Digital lending

Digital lending หรือสินเชื่อดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ถือเป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่สำคัญที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อทำได้โดยอัตโนมัติ โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัคร การยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ จนถึงขั้นตอนการเบิกจ่าย และรับชำระหนี้คืน ตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ และทำให้สถาบันการเงินเองสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในต้นทุนที่ต่ำลงจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้กระบวนการปล่อยสินเชื่อทำได้โดยอัตโนมัติ อนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว และเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาโซลูชัน AI มาใช้งานเพื่อยกระดับให้ขั้นตอนการปล่อยสินเชื่อดิจิทัลให้สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานภายในองค์กร รวมถึงต้องการที่ปรึกษา และพาร์ทเนอร์คู่คิดให้กับธุรกิจของคุณ ปรึกษาพวกเรา AIGEN (ไอเจ็น) ได้ที่นี่

AIGEN Live chat