Share

6 สิ่งที่ทำให้บริษัทพัฒนา AI แตกต่างจากบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไป

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตของผู้คน และการทำธุรกิจมากขึ้น ทำให้ธุรกิจต่างต้องปรับตัวเมื่อพฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นที่มาที่ทำให้ธุรกิจ และองค์กรจำนวนมากได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมของลูกค้ายุคใหม่ได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงสร้างความเติบโตให้ธุรกิจในระยะยาว เพื่อให้การนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ภายในองค์กรประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ทำให้ธุรกิจจึงต้องมองหาบริษัทพัฒนา AI ที่สามารถเป็นผู้ช่วย หรือพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน AI ที่พัฒนาโซลูชัน AI พร้อมใช้งาน และพร้อมให้คำปรึกษาการนำ AI ไปใช้งานที่เหมาะสม และตอบโจทย์กับธุรกิจ การมองหาบริษัทพัฒนา AI ที่ใช่ และเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจจะต้องพิจารณา ซึ่งบริษัทพัฒนา AI เองนั้นจะมีสิ่งที่พิเศษ และแตกต่างจากบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วไปที่จะช่วยยกระดับการทำงานขององค์กรได้เป็นอย่างดี

บริษัทพัฒนา AI ต่างจากบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างไร

6 สิ่งที่บริษัท AI แตกต่างจากบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วไป

บริษัทพัฒนา AI นั้นจะมีความแตกต่างที่พิเศษกว่าบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วไปในหลากหลายมิติ เนื่องจากจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน AI และ Machine learning ที่ใช้ในการพัฒนาโมเดล AI สำหรับโซลูชัน AI เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในด้านต่างๆ ซึ่งถ้าหากธุรกิจมองหาโซลูชัน AI ไปใช้งานเพื่อเสริมศักยภาพในการทำธุรกิจ แน่นอนว่าบริษัทพัฒนา AI จะตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างตรงจุดมากกว่าบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ โดย 6 สิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทพัฒนา AI แตกต่างจากบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ มีดังต่อไปนี้

1. ความเชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine learning

แน่นอนว่าบริษัทพัฒนา AI นั้นย่อมประกอบด้วยกลุ่มคนผู้เชี่ยวชาญทางด้าน AI และ Machine learning ที่มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ ซึ่งทีมงานจะมีตั้งแต่ Product manager Machine learning engineer Data science และ Data engineer ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ และพัฒนาโซลูชัน และโมเดล AI ที่พร้อมใช้งานให้กับธุรกิจ รวมไปถึงมีทีม Software developer ที่ทำงานร่วมกันกับส่วนงานอื่นๆ เพื่อทำให้ระบบ AI ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงทีมเซลส์ ทีมพัฒนาธุรกิจ และทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการนำโซลูชัน AI ไปใช้งานกับธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษากับลูกค้าถึงการเลือก และวางแผนการนำโซลูชัน AI ที่เหมาะสมไปใช้งานกับธุรกิจได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าบริษัทพัฒนา AI จะมีผู้เชี่ยวชาญที่จะดูแลธุรกิจอย่างครบวงจรตั้งแต่การแนะนำ การร่วมวางแผนขั้นตอนการนำ AI ไปใช้งานกับธุรกิจ การพัฒนาโซลูชัน AI จนถึงการนำระบบ AI ไปใช้งานกับธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ

ในขณะที่บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นจะมีเพียงทีม Product owner และทีม Software developer ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ตาม Requirement ของลูกค้าเพียงเท่านั้น ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ทั่วไปที่ไม่ได้มีความสามารถของ AI ซึ่งหากลูกค้าต้องการจะเพิ่มฟีเจอร์การทำงาน AI เช่น AI-OCR AI-Face recognition และ AI-NLP เข้าไปนั้นจะทำได้ยาก เนื่องจากไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ทำให้บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องมาใช้บริการฟีเจอร์ AI ที่ต้องการจากบริษัทพัฒนา AI อยู่ดี หรือไม่ก็ต้องพัฒนาฟีเจอร์ AI นั้นขึ้นมาเองซึ่งก็ต้องใช้ทั้งทรัพยากรทั้งในเรื่องของบุคลากร และเวลาค่อนข้างมากเช่นกัน 

ดังนั้นหากธุรกิจมองหาโซลูชัน AI ไปใช้งานกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น AI-OCR AI-Face recognition และ AI-NLP บริษัทพัฒนา AI จะตอบโจทย์กับความต้องการของธุรกิจได้ดีที่สุด เนื่องจากมีโซลูชัน AI ที่พร้อมใช้งาน และมีผู้เชี่ยวชาญทางด้าน AI และ Machine learning ที่สามารถ Customize โมเดล AI ให้ได้ตามโจทย์ และวัตถุประสงค์การทำงานของธุรกิจนั่นเอง

2. การจัดการกับความไม่แน่นอน

AI ต่างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆ ตรงที่ผลลัพธ์จาก AI เป็นผลจากการตัดสินตามความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ตามที่ AI ได้เรียนรู้มา (probabilistic) จึงมีความไม่แน่นอนในการนำไปใช้งานจริงที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ต่างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่เป็นลักษณะตายตัว (deterministic) สามารถกำหนด specification ของการตรวจรับ และตรวจสอบการทำงานแต่ละฟีเจอร์ได้อย่างแน่ชัด การสร้าง และการจัดการผลลัพธ์ของ AI จำเป็นต้องมีความเข้าใจในคุณลักษณะนี้ของ AI ตลอดไปจนถึงการตั้งขอบเขตของโครงการ อีกทั้งในเรื่องของไทม์ไลน์ ความคาดหวัง และการวัดผลที่เหมาะสม ที่จะมีความแตกต่างจากการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั่วไป

3. AI Model Pipeline Infrastructure

บริษัทพัฒนา AI จะมีโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure ที่พร้อมสำหรับการพัฒนาโมเดล AI เพื่อให้สามารถเทรนโมเดล AI ได้แบบอัตโนมัติ และนำไปใช้กับโซลูชัน AI ได้ทันที ซึ่งเป็นความรู้เฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับการทำให้ลูกค้าหรือธุรกิจมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้บริการโมเดล AI ที่มีการอัปเดตอยู่เสมอ ทำให้ระบบ AI ทำได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

4. Best practice ในการนำ AI ไปใช้กับธุรกิจให้ได้ดีที่สุด

เนื่องจากบริษัทพัฒนา AI นั้นประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในการนำ AI ไปใช้กับธุรกิจ เนื่องจากได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมองกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงช่วยวางแผน ออกแบบ และนำโซลูชัน AI ไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ จึงทำให้บริษัทพัฒนา AI รู้ถึง Best practice ของการนำโซลูชัน AI ไปใช้ในแต่ละธุรกิจได้อย่างเหมาะสม และคุ้มค่ากับการลงทุนได้มากที่สุด ซึ่งบริษัทพัฒนา AI ไม่เพียงแต่ให้บริการในด้านโซลูชัน AI เท่านั้นแต่ยังเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับธุรกิจตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายของการนำ AI มาใช้งาน ประเมิน วางแผน และเลือกโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจ การเตรียมพร้อมก่อนนำ AI มาใช้งานจนถึงขั้นตอนการนำโซลูชัน AI มาใช้งานเพื่อให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ที่วางเอาไว้ หรือเรียกได้ว่าเป็นที่ปรึกษาทางด้าน AI ให้กับธุรกิจนั่นเอง 

5. ความเชี่ยวชาญในการจัดการข้อมูล

การจัดการข้อมูล หรือ Data management นั้นถือเป็นสิ่งที่บริษัทพัฒนา AI มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี เนื่องจากการทำงานของ AI นั้นจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญ คือ โมเดล และข้อมูล โดยโมเดล AI จะสามารถทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อมี Data หรือข้อมูลที่ดีที่สามารถใช้ในการเทรน AI ได้ ทำให้โมเดลเรียนรู้ และทำงานได้ดีต่อไป จึงทำให้มีเรื่องของ Data integrity หรือความสมบูรณ์ และความถูกต้องของข้อมูลเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัท AI มีความรู้ และความเชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถจัดเตรียมข้อมูลที่ต้องใช้ในการเทรนโมเดล AI ได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ และถูกต้อง รวมถึงมีคำเฉลยที่ถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้ด้วยการเทสในหลากหลายแบบ รวมไปถึงเรื่องของการใช้เครื่องมือ เพื่อทำให้ทราบได้ว่ามีที่เป็นข้อมูล Outlier หรือไม่ เพื่อป้องกันการเกิดเรื่อง Garbage-in, garbage-out หรือการใส่ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์จะทำให้ได้ข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์กลับคืนออกมา ด้วยความสามารถในการจัดการเรื่อง Data integrity ทำให้มั่นใจได้ว่าโมเดล AI ที่ได้ทางบริษัท AI พัฒนาขึ้นนั้นจะสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้มีประสบการณ์การบริหารจัดการข้อมูลให้พร้อมใช้งานนั้นอาจจะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเท่ากับบริษัทที่พัฒนา AI โดยตรง

รวมไปถึงเรื่องของ Data security ที่จะต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐานของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ที่ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ บัญชีธนาคาร และอื่นๆ ที่สามารถระบุถึงตัวเจ้าของของบุคคลนั้นได้ทั้งที่อยู่ในรูปแบบของเอกสาร กระดาษ หนังสือ หรือที่จัดเก็บอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบริษัทพัฒนา AI เองนั้นมีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทพัฒนาบางแห่งอย่าง AIGEN เองนั้นได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศ (Information security standard) ได้แก่ CSA Star Level 2, ISO 27001, ISO 27017และ ISO 27018 ทำให้ธุรกิจมั่นใจได้ว่าข้อมูลต่างๆ มีความปลอดภัยสูง 

6. Customize โมเดล AI ได้เองตามความต้องการของลูกค้า

เนื่องจากแต่ละธุรกิจย่อมมีเป้าหมาย และความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบริษัทพัฒนา AI สามารถที่จะปรับ หรือ Customize โมเดล AI ให้ตามความต้องการของธุรกิจแต่ละเจ้าได้ตาม Requirement เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของการทำงานของแต่ละธุรกิจ โดยข้อได้เปรียบที่สำคัญของบริษัทพัฒนา AI คือไม่จำเป็นต้องเริ่มสร้างโมเดล AI ใหม่ตั้งแต่ต้น เนื่องจากมีโมเดล AI ที่พร้อมใช้งานอยู่แล้ว เพียงแค่มาปรับ หรือเทรนโมเดล AI เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถทำงานได้ตาม Requirement ของธุรกิจ ประหยัดเวลาในการพัฒนาโมเดล AI ทำให้ลูกค้าสามารถนำโซลูชัน AI ไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เช่น บริการ AI-OCR หากธุรกิจต้องการจะใช้ AI-OCR ดึงข้อมูลจากเอกสารเฉพาะของธุรกิจ เพียงแค่ส่งตัวอย่างเอกสารมาให้ทาง AIGEN เทรนโมเดล AI ให้เพิ่มเติม เพียงไม่กี่วันธุรกิจก็จะสามารถใช้ AI-OCR สามารถดึงข้อมูลจากเอกสารเฉพาะนี้ได้ ซึ่งถ้าหากเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปที่ไม่ได้มี Know-how และความเชี่ยวชาญทางด้าน AI อาจจะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลา และบุคลากรเป็นจำนวนมากในการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้

AIGEN (ไอเจ็น) บริษัทพัฒนา AI อันดับ 1 ในไทย

AIGEN บริษัทพัฒนา AI ของคนไทยที่เข้าใจความต้องการของธุรกิจไทยเป็นอย่างดี

AIGEN (ไอเจ็น) บริษัทพัฒนา AI ของคนไทย พร้อมที่จะเป็นส่วนสำคัญในการนำโซลูชัน AI เข้าไปช่วยยกระดับขั้นตอนการงานของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น ลดภาระงานรูทีน ช่วยให้พนักงานได้มีเวลาโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ และความคิดสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น สร้าง Impact ให้กับองค์กร ด้วยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการให้บริการนำโซลูชัน AI ไปใช้งานกับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม พร้อมที่จะช่วยนำโซลูชัน AI ขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตได้ในอย่างยั่งยืน  หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาบริษัทพัฒนา AI เพื่อเข้าไปช่วยยกระดับขั้นตอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบขั้นตอนการทำงาน จนถึงการนำโซลูชัน AI  ไปใช้งานให้ประสบผลสำเร็จ ติดต่อเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

AIGEN Live chat