Share

15 ตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้ชีวิตง่ายยิ่งขึ้น

เมื่อพูดถึงเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และไกลตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว AI อยู่รอบตัวเรา และมักได้ใช้ในชีวิตประจำวันแบบที่เราอาจไม่รู้ตัวมาก่อน สำหรับตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้างนั้น ลองมาทำความรู้จักให้มากขึ้นกัน

Table of Contents

ปัจจุบัน เทคโนโลยี AI ได้พัฒนาไปสู่ระดับที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะจากการเป็นเพียงแค่เครื่องมือตอบคำถาม สู่การเป็น AI Agents ที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ พร้อม Multimodal AI ที่เข้าใจทั้งข้อความ เสียง รูปภาพ และวิดีโอ รวมถึง Generative AI ที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

AI เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไร ?

AI ในปัจจุบันไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไกลตัวเราอีกแล้ว แต่เป็นผู้ช่วยที่อยู่ใกล้ตัวเราในทุก ๆ วัน ข้อดีหลักคือช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยให้การตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น ทั้งยังสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานระบบต่าง ๆ

ข้อดีของการมีเทคโนโลยี AI ในชีวิตประจำวัน

  • ด้านประสิทธิภาพ: การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ โดย AI จะเข้ามาช่วยลดเวลาในการทำงาน เช่น การเขียนอีเมล การจัดตารางงาน หรือการค้นหาข้อมูล ทำให้เรามีเวลามากขึ้นสำหรับงานที่สำคัญจริง ๆ
  • ด้านความปลอดภัย: ระบบ AI ช่วยป้องกันการฉ้อโกงทางการเงิน ตรวจจับไวรัสคอมพิวเตอร์ และแจ้งเตือนเหตุการณ์ผิดปกติต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • ด้านคุณภาพชีวิต: AI ทำให้เราเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษา การดูแลสุขภาพ หรือการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา

15 ตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวัน

มาดูกันว่า เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันที่พัฒนาจาก AI มีอะไรบ้างที่เราใช้จริงทุกวัน

1. การปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ด้วย Face ID

การปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ด้วย Face ID คือตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำที่ใกล้ตัวที่สุด
ภาพประกอบ Canva

เมื่อพูดถึง AI ในชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้าง ? “Face ID” ถือเป็นตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุด เพราะสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่ทำหลังจากตื่นนอน คือหยิบสมาร์ตโฟนเพื่อเช็กข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และเมื่อโทรศัพท์ถูกปลดล็อคหน้าจอโดยการใช้ biometrics หรือเทคโนโลยีชีวมิติ* เช่น Face ID ถือเป็นการใช้เทคโนโลยี AI ในรูปแบบหนึ่ง ตัวอย่างที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือ Apple Face ID โดย Apple Face ID สามารถมองเห็นได้ในรูปแบบ 3 มิติ โดยจะเก็บรายละเอียดบนในหน้าถึง 30,000 จุด และใช้อัลกอริทึมของ Machine Learning ในการเปรียบเทียบใบหน้าที่กำลังสแกนกับรูปที่เก็บเอาไว้ เพื่อที่จะตัดสินว่าคนที่กำลังจะปลดล็อคหน้าจอใช้คุณหรือไม่ โดย Apple กล่าวว่าโอกาสที่จะหลอก Face ID ได้ คือหนึ่งในล้าน

เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนได้ก้าวไกลกว่าเดิม ด้วยระบบ Multimodal Biometrics ที่ผสมผสานการสแกนใบหน้า การวิเคราะห์ลายนิ้วมือ และการตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตา แม้แต่การสวมหน้ากากหรือการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เล็กน้อย ระบบก็สามารถปรับตัวและรักษาความปลอดภัยไว้ได้

*Biometrics หรือเทคโนโลยีชีวมิติ คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตน (Identification) และตรวจพิสูจน์ผู้ใช้ (Verification) โดยใช้เทคนิคการแปรค่าเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล มาวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่าง ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

2.โซเชียลมีเดีย

AI ในชีวิตประจำวันพบได้ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น การแนะนำคนที่อาจรู้จัก หรือกรองข่าวสาร
ภาพประกอบ : Canva

สิ่งที่คนมักทำต่อไปจากการหยิบโทรศัพท์แล้ว คือการเช็กข้อมูลข่าวสาร หรือเรื่องราวอัปเดตบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter และอื่น ๆ ซึ่งโซเชียลมีเดียเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้ AI ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันก็ว่าได้ โดยที่เทคโนโลยี AI ไม่เพียงแต่อยู่เบื้องหลังในการเลือกโพสต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณสนใจขึ้นมาโชว์ โดยดูจากความสนใจ และการมีปฏิสัมพันธ์บนโซเชียลมีเดียในอดีต ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ยังสามารถแนะนำเพื่อนที่คุณอาจจะรู้จัก กรองข่าวปลอม รวมถึง Machine Learning ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งคุกคามผ่านโลกไซเบอร์ (Cyberbullying) ได้อีกด้วย

โลกของโซเชียลมีเดียได้รับการพัฒนาไปอีกระดับ จากการนำ Generative AI ที่สามารถสร้างแคปชันที่ดึงดูดใจ แนะนำ hashtag ที่เหมาะสมกับเนื้อหา และสร้าง AI Avatars ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งระบบ Content Moderation แบบเรียลไทม์ยังใช้ Multimodal AI ในการตรวจจับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้อย่างฉับไว ทำให้พื้นที่ดิจิทัลปลอดภัยมากขึ้น

3.การส่งอีเมล์ หรือข้อความต่างๆ

AI Writing Assistants เป็นตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวันที่ทำให้การเขียนอีเมลเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ภาพประกอบ : Canva

เราทุกคนมีการส่งอีเมลกันทุกวัน มีเครื่องมือ เช่น Grammarly ที่ช่วยเช็กความถูกต้องของคำและไวยากรณ์บนอีเมล เพื่อช่วยทำให้การเขียนอีเมลของคุณไม่มีคำผิด หรือ Gmail ที่มีการแนะนำคำ และไวยากรณ์ที่ถูกต้องให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ได้นำเทคโนโลยี AI และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) มาใช้งาน หรือในการรับอีเมล ฟิลเตอร์สแปมใช้เทคโนโลยี AI ในการที่บล็อกอีเมลที่อาจจะเป็นอีเมลสแปม หรือระบุว่าอีเมลที่ผู้รับจะได้รับจะอยู่ในหัวข้อไหนในอินบ็อกซ์ของผู้รับ รวมถึงโปรแกรมแอนตี้ไวรัสยังได้นำเทคโนโลยี Machine Learning มาช่วยในการป้องกันความปลอดภัยให้กับอีเมลของคุณอีกด้วย

นอกจากนั้น การเขียนอีเมลยุคใหม่ยังกลายเป็นเรื่องง่ายด้วย AI Writing Assistants ที่ไม่เพียงแค่แก้ไขไวยากรณ์ แต่ยังสามารถแนะนำโทนเสียงที่เหมาะสมกับผู้รับ สร้างร่างข้อความตามบริบทที่ต้องการ และมีระบบ Smart Scheduling ที่จะวิเคราะห์พฤติกรรมการเปิดอ่านของผู้รับ เพื่อเลือกช่วงเวลาส่งที่เหมาะสมที่สุดได้ ทำให้เหมาะกับการนำมาใช้เขียน E-mail Marketing เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย

4.การค้นหาบน Google

เทคโนโลยี AI พัฒนาการค้นหาบน Google ให้มีประสิทธิภาพด้วย AI-powered Search
ภาพประกอบ : Canva

เชื่อว่าทุกคนต้องได้ใช้การค้นหาบน Google กันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการคำตอบเกี่ยวอะไรบางอย่าง หรือหาสินค้า และบริการที่เราต้องการรู้จัก หรือใช้บริการอยู่เป็นประจำ Search engines ไม่สามารถค้นหาข้อมูลทั่วอินเทอร์เน็ตให้เราได้ ถ้าหากไม่มีเทคโนโลยี AI หรือเราอาจจะเคยเจอโฆษณาที่ตามเราไปทุกที่ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน สิ่งเหล่านี้ทำได้ด้วยเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์เช่นกัน โดยดูจากการค้นหาในอดีต และนำเสนอให้กับแต่ละบุคคล (Personalize) โดยมีเป้าหมาย คือการนำเสนอสิ่งที่ผู้ใช้แต่ละคนสนใจ

การค้นหาข้อมูลเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย AI-powered Search ที่ขับเคลื่อนโดย Generative AI สามารถสร้างคำตอบที่ครอบคลุมจากหลายแหล่งข้อมูลในครั้งเดียว และยังมีเทคโนโลยี Visual Search ช่วยให้เราค้นหาสิ่งที่สนใจได้เพียงแค่ถ่ายรูป และมี Multimodal Search ที่ผสมผสานการค้นหาด้วยข้อความ รูปภาพ และเสียงไปพร้อมกัน ทำให้การค้นหาข้อมูลทำได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย

5.การสั่งงานด้วยเสียง

การสั่งงานด้วยเสียงคือเทคโนโลยี AI ในชีวิตประจำวันที่พบได้บ่อย และใช้อย่างแพร่หลาย
ภาพประกอบ : Canva

หากถามว่า AI ในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้างที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย การสั่งงานด้วยเสียงถือเป็นอีกตัวอย่างที่พบได้ง่าย ๆ ตั้งแต่การสอบถามเส้นทางไปร้านอาหารโปรด จนถึงการสอบถามพยากรณ์อากาศประจำวัน ผู้ช่วยในการสั่งงานด้วยเสียงกลายเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน โดยตัวอย่างผู้ช่วยในการสั่งงานด้วยเสียง ได้แก่ Siri, Alexa, Google home จนถึง Cortana โดยเครื่องมือเหล่านี้ใช้ระบบการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) โดยเทคโนโลยี AI จะประมวลผล และตอบคำถามให้กับผู้ใช้งาน

ทุกวันนี้ ผู้ช่วยด้วยเสียงวิวัฒนาการมาไกลจากการตอบคำถามแบบเดิม ๆ กลายเป็น Conversational AI ที่เข้าใจบริบทการสนทนาและจดจำสิ่งที่พูดคุยไปแล้ว และยังมีเทคโนโลยี Emotional AI ที่สามารถรับรู้อารมณ์จากเสียงพูดและปรับรูปแบบการตอบสนองให้เหมาะสม ทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติเหมือนคุยกับเพื่อนจริง ๆ

6.อุปกรณ์สมาร์ทโฮม

อุปกรณ์สมาร์ตโฮมคือหนึ่งในตัวอย่างของ AI ในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง
ภาพประกอบ : Canva

จากบ้านปกติกลายเป็นบ้านที่ “ฉลาด” มากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI หลาย ๆ บ้านอาจจะคุ้นเคยกับเครื่องควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ เช่น Nest ที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการปรับอุณหภูมิตามความชอบของเจ้าของบ้าน รวมถึงตู้เย็นอัจฉริยะที่สามารถบอกได้ว่าของอะไรบ้างที่คุณต้องการ แต่ตอนนี้ไม่มีของนั่นอยู่ในตู้เย็น รวมถึงยังสามารถแนะนำประเภทของไวน์ที่จะเข้ากับมื้อเย็นของคุณให้ได้อีกด้วย

บ้านอัจฉริยะยุคใหม่มีวิวัฒนาการที่น่าสนใจด้วย AI Agents ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการบ้านที่แท้จริง ระบบจัดการพลังงานสามารถปรับใช้ไฟฟ้าตามราคาและความต้องการ รวมถึงฟีเจอร์ Health Monitoring จะวิเคราะห์คุณภาพอากาศในบ้านและแนะนำการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับสุขภาพของคนในครอบครัว

7.การเดินทางไปทำงาน

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอย่าง Google Map ใช้ AI พัฒนาการแนะนำเส้นทาง
ภาพประกอบ : Canva

เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการเดินทางมากกว่าการบอกเส้นทาง Google maps และแอปการเดินทางอื่น ๆ ใช้ AI ในการติดตามการจราจร เพื่อแจ้งข้อมูลการจราจร และสภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงแนะนำเส้นทางที่สามารถเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นได้ นอกจากนั้นรถบางคันอาจจะมีระบบเทคโนโลยีการช่วยเหลือผู้ขับ เช่น ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย สามารถใช้บริการ Self-driving car จากบริษัทลูกของ Google ที่ชื่อว่า Waymo ได้

การเดินทางในยุคดิจิทัลได้รับการยกระดับด้วย Predictive Navigation ที่สามารถคาดการณ์สถานการณ์จราจรล่วงหน้าได้ถึง 30 นาที ด้วยระบบ Multimodal Transportation AI ที่จะแนะนำการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งรถยนต์ รถไฟฟ้า และจักรยาน เพื่อการเดินทางที่รวดเร็วและประหยัด และ Carbon Footprint Tracking ช่วยเลือกเส้นทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

8.ธุรกรรมทางการเงิน

Real-time Fraud Detection คือตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวันในการทำธุรกรรมทางการเงิน
ภาพประกอบ : Canva

ธุรกรรมทางการเงินเป็นตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวันที่สำคัญมาก เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบของธนาคารได้หลากหลายวิธี ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และป้องกันการทุจริต ระบบ AI เป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังกิจกรรมเหล่านี้ ได้แก่ การฝากเช็กด้วยการสแกนด้วยมือถือ ระบบแจ้งเตือนเมื่อยอดเงินคงเหลือต่ำ หรือแม้กระทั่งการล็อกอินเข้าไปใช้ระบบโมบายแบงก์กิ้ง ถ้าคุณเข้าไปซื้อกางเกงที่ร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ระบบ AI จะวิเคราะห์ว่าธุรกรรมนี้เป็นธุรกรรมที่คุณใช้เป็นปกติหรือไม่ เพื่อที่จะพิสูจน์ว่ามีบุคคลที่ไม่พึงประสงค์นำบัตรเครดิตของคุณไปใช้หรือไม่

วงการการเงินเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย AI-powered Personal Finance Advisors ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินส่วนตัว รวมถึงเทคโนโลยี Behavioral Biometrics ที่เข้ามาช่วยวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของแต่ละคนเพื่อยืนยันตัวตน และระบบ Real-time Fraud Detection สามารถตรวจจับการฉ้อโกงได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ป้องกันความเสียหายก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง

9.การแนะนำสินค้าของอเมซอน (Amazon)

การแนะนำสินค้าของอเมซอนคือหนึ่งในตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวัน
ภาพประกอบ : Canva

บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาอย่าง “อเมซอน” เป็นที่ที่ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์การนำเทคโนโลยี AI ซึ่งถูกนำมาใช้ในหลากหลายช่องทางจนเป็นเรื่องปกติ อเมซอนได้ใช้อัลกอรึทึมมาเรียนรู้ว่าคุณชอบสินค้าอะไร และคนที่คล้ายกับคุณชอบสินค้าอะไร เพื่อที่จะแนะนำสินค้าที่เหมาะกับคุณ อเมซอนมั่นใจในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analysis) เป็นอย่างมากว่าจะสามารถแนะนำในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ ก่อนที่ลูกค้าจะกดเพิ่มสินค้านั้นลงในตะกร้า

นอกจากนั้น การพัฒนาของ AI ยังทำให้ประสบการณ์การช็อปปิงออนไลน์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงด้วย Generative AI Product Recommendations ที่สร้างคำแนะนำการเลือกซื้อสินค้าเฉพาะบุคคล และยังมีเทคโนโลยี Visual Search ที่ช่วยให้การค้นหาสินค้าง่ายขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่มีรูปถ่ายของสินค้าก็สามารถค้นหาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมถึง Sustainability AI ที่จะแนะนำทางเลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การซื้อสินค้าเป็นมิตรกับโลกมากขึ้น

10.เน็ตฟลิกซ์ (Netflix)

AI ในชีวิตประจำวันพบได้ใน Netflix เช่นการแนะนำหนังหรือซีรีส์ที่คุณอาจสนใจ
ภาพประกอบ : Canva

เมื่อถึงเวลาพักผ่อน หลายคนเลือกดู Netflix หลังจากเลิกงาน หรือในวันหยุด เทคโนโลยี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการแนะนำหนัง หรือซีรีส์ที่น่าสนใจให้กับเรา โดยเก็บข้อมูลจากประวัติการดู นักแสดง ระยะเวลาที่ดูหนังเรื่องนั้น และอื่น ๆ และจากการสำรวจ 80% ของหนัง หรือซีรีส์ที่เราดูใน Netflix มาจากระบบการแนะนำนั่นเอง

ปัจจุบันนี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย Personalized Trailers ที่ปรับแต่งตัวอย่างหนังให้เหมาะกับรสนิยมของแต่ละคน ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี Mood-based Recommendations ที่สามารถแนะนำเนื้อหาตามอารมณ์และสถานการณ์ที่เราอยู่ และยังมี Interactive AI Storytelling ที่ช่วยให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องได้แบบเรียลไทม์

11. การแปลภาษาแบบเรียลไทม์

โลกไร้พรมแดนทางภาษากำลังเป็นจริงด้วยเทคโนโลยี Real-time Translation ที่ใช้ Multimodal AI ในการแปลทั้งข้อความ เสียงพูด และภาษามือได้พร้อมกัน เครื่องมือเช่น Google Translate ที่รองรับมากกว่า 100 ภาษาและมีความแม่นยำสูง ซึ่งหากพูดถึงในประเทศไทย เราอาจเห็นตัวอย่างที่น่าสนใจจากชุมชนไทยซ่งดำในสุพรรณบุรี ที่ใช้ AI ช่วยแปลภาษาเพื่อแชร์เรื่องราววัฒนธรรมท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

12. AI ในการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล

สุขภาพส่วนบุคคลได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย Personalized Healthcare AI ที่วิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์สวมใส่อย่าง Apple Watch และ Fitbit เทคโนโลยีนี้สามารถตรวจจับอาการผิดปกติของหัวใจ วิเคราะห์คุณภาพการนอน และคาดการณ์ความเสี่ยงโรคเรื้อรังได้ในระยะเริ่มต้น อีกทั้งในประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “AI for a Healthier Thailand” เพื่อให้คำแนะนำในเรื่องสุขภาพที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

13. AI สำหรับสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด

โลกยั่งยืนกำลังเป็นจริงด้วย Environmental AI ที่เฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและน้ำแบบเรียลไทม์ ระบบจัดการขยะอัจฉริยะสามารถแยกประเภทและนำกลับมาใช้ใหม่ได้อัตโนมัติ อีกทั้งยังทำให้การพยากรณ์สภาพอากาศมีความแม่นยำมากขึ้น รวมถึงระบบจัดการพลังงานสะอาดที่เพิ่มประสิทธิภาพ

14. AI ในการศึกษาและการเรียนรู้

การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ได้รับการปฏิวัติด้วย Adaptive Learning AI ที่ปรับรูปแบบการสอนให้เข้ากับสไตล์การเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน AI Tutors พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ Virtual Reality Classrooms จะช่วยสร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบจำลองที่สมจริง ซึ่งโครงการอย่าง “THAI Academy” ของ Microsoft Thailand เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาทักษะ AI ให้กับคนไทยในวงกว้าง

15. AI Agents – ผู้ช่วยอัตโนมัติแห่งอนาคต

AI Agents เป็นตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวันรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม ด้วยเทคโนโลยี AI ที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระและตัดสินใจเองได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ตลอดเวลา โดย AI Agents สามารถจัดการงานประจำวันได้อัตโนมัติ ประสานงานระหว่างระบบต่าง ๆ และตอบสนองลูกค้าแบบเรียลไทม์ได้ ซึ่งธนาคารหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศต่างเริ่มนำ AI Agents มาใช้จัดการด้านการทำธุรกรรมพื้นฐาน จึงสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น การตรวจสอบยอดเงิน การโอนเงิน และการให้คำแนะนำทางการเงิน

เทคโนโลยี AI ในชีวิตประจำวัน สำคัญอย่างไรในยุคดิจิทัล

ในยุคที่เทคโนโลยี AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว การเข้าใจและปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือที่เราใช้ในชีวิตประจำวันจริง ๆ ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงการเข้านอน
ผู้ที่เข้าใจและใช้ AI อย่างเหมาะสม จะช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตและการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ดังนั้นการปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีจึงเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกคนในยุคนี้

ส่งท้ายบทความ…
AI อยู่ในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่ตื่นนอน เดินทาง ทำงาน จนถึงตอนพักผ่อนโดยที่เราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เรียกได้ว่า AI คือเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์อย่างมากมายจนกลายส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนในยุคปัจจุบัน จนไม่สามารถที่จะนึกภาพการใช้ชีวิตที่ปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีเทคโนโลยี AI อยู่เบื้องหลังกันได้แล้ว

หากคุณกำลังสนใจนำ AI ไปปรับใช้ในธุรกิจแต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นอย่างไร AI GEN พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณ ด้วยการให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนแรก การวิเคราะห์ความต้องการ ไปจนถึงการเลือกและใช้งานโซลูชัน AI ที่เหมาะสมกับธุรกิจ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและวัดผลได้จริง สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่

ข้อมูลอ้างอิง

  1. What Are AI Agents? | IBM. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.ibm.com/think/topics/ai-agents
  2. 6 AI trends you’ll see more of in 2025 – Microsoft. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จาก https://news.microsoft.com/source/features/ai/6-ai-trends-youll-see-more-of-in-2025/
  3. Microsoft announces significant commitments to enable a cloud and AI-powered future for Thailand – Microsoft Stories Asia. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จาก https://news.microsoft.com/apac/2024/05/01/microsoft-announces-significant-commitments-to-enable-a-cloud-and-ai-powered-future-for-thailand/
  4. 4. Opportunities arise with AI skills, advancing Thais’ sustainable future – Source Asia. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จาก https://news.microsoft.com/source/asia/2025/06/17/opportunities-arise-with-ai-skills-advancing-thais-sustainable-future/
  5. 5. Implementation challenges and the role of AI to unlock the potential of Big Data in advanced financial services | ABeam Consulting Thailand. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.abeam.com/th/en/service_line/2077
aiScript โซลูชัน AI ประมวลผลเอกสารและข้อมูลรูปแบบใหม่ เสริมประสิทธิภาพระบบ OCR ด้วย AI อัจฉริยะ
AIGEN Live chat