10 รูปแบบของการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในภาคธุรกิจ
เราอาศัยอยู่ในยุคที่คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากจนกระทั่งคอมพิวเตอร์สามารถทำหน้าที่บางอย่างได้เหมือนกับมนุษย์ ทั้งหมดนี้เป็นไปได้เพราะเทคโนโลยี AI
เทคโนโลยี AI เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักร หรือระบบสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งปกติแล้วจะต้องใช้มนุษย์ในการทำงานนั้นๆ AI ถือเป็นศาสตร์ที่สำคัญในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) โดยถูกพัฒนา และเขียนโปรแกรมโดยใช้เทคโนโลยี Machine learning และ Deep learning
เทคโนโลยี AI ได้ถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน ทำให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น และในโลกของธุรกิจเทคโนโลยี AI ได้ถูกนำมาใช้กันในวงกว้างเช่นกัน โดยระบบ AI สามารถเข้าไปช่วยธุรกิจได้ใน 3 เรื่องหลัก คือกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ การได้ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ข้อมูล และการ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และพนักงาน (อ่านเพิ่มเติม : ประเภทของ AI และตัวอย่างการใช้งานทางธุรกิจ)
ในโลกธุรกิจการมีการแข่งขันกันอยู่เสมอในแต่ละอุตสาหกรรม และทุกบริษัทต้องการที่จะเป็นเบอร์ต้นๆ ของตลาด บริษัทข้ามชาติที่ประสบความสำเร็จนั้นได้นำรูปแบบการใช้งานของเทคโนโลยี AI มาปรับใช้กับธุรกิจของตนเอง ได้แก่ กระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation), Big data analytics และการประมวลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing หรือ NLP) เพื่อทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับธุรกิจ และสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ รวมถึงนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของธุรกิจมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งธุรกิจขนาดเล็กเองก็ได้มีการนำระบบ AI มาใช้ เพื่อที่ช่วยทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
วันนี้ AI GEN จะพามาเรียนรู้ถึงวิธีการนำเทคโนโลยี AI ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจกันอย่างละเอียด เพื่อให้ธุรกิจได้เห็นภาพถึงรูปแบบการนำระบบ AI ไปใช้งานกันมากยิ่งขึ้น
รูปแบบของการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้งานในภาคธุรกิจ
1.การจ้าง และสรรหาบุคลากร
ในปัจจุบันการสมัครงานมีการแข่งขันกันสูง ผู้สมัครหลายร้อยคนสมัครเข้ามาในตำแหน่งงานเดียวกันซึ่งบริษัทรับได้แค่คนเดียว ผลที่ตามมาคือแผนกทรัพยากรบุคคลจะต้องดูใบสมัครของผู้สมัครแต่ละคน เพื่อที่จะผู้สมัครที่เหมาะสมที่จะได้รับการสัมภาษณ์
เพื่อทำให้การทำงานของแผนกทรัพยากรบุคคลเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น บริษัทสามารถใช้ระบบ AI และระบบ NLP หรือการประมวลภาษาธรรมชาติเข้ามาช่วยเพื่อที่จะคัดคนที่ตรงกับคุณสมบัติที่บริษัทต้องการ โดยระบบจะคัดกรองจากคุณสมบัติในเบื้องต้น ได้แก่ ที่อยู่อาศัย ทักษะและความสามารถ การศึกษา เป็นต้น รวมถึงยังสามารถแนะนำตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้ผู้สมัครที่ได้รับคัดเลือกได้อีกด้วย ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้สมัครได้รับการคัดเลือกที่เหมาะสม และปราศจากอคติ ยังสามารถทำให้ประหยัดเวลา และประหยัดกำลังคนสำหรับทีม HR ได้อีกด้วย
2.Cybersecurity
อินเตอร์เน็ตทำให้การจัดเก็บข้อมูล และการจัดการข้อมูลเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในเรื่องการทำผิดกฎหมาย และความเสี่ยงเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เนื่องจากฐานข้อมูลที่สำคัญของธุรกิจไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลส่วนบุคคล ถูกจัดเก็บไว้บนระบบออนไลน์ Cybersecurity จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกองค์กร และเป็นหนึ่งในรูปแบบการนำไปใช้งานของระบบ AI ที่สำคัญที่สุดระบบหนึ่ง
ด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Cyber สามารถเข้าใจ และนำข้อมูลแปลกปลอมที่สามารถตรวจจับได้ออกไปจากระบบ ระบบ AI ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cyber สามารถรู้ถึงธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือตรวจจับโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ (มัลแวร์)ได้ เพื่อเตรียมรับมือกับการถูกจู่โจมระบบได้ล่วงหน้า นอกจากนั้นเทคโนโลยี AI ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ และพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับจำนวนของข้อมูล เพื่อที่ลดโอกาสในการถูกจู่โจมทางอินเตอร์เน็ตได้
3.การคาดการณ์ตลาด
ตลาดหุ้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และเป็นตลาดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า เนื่องมาจากธรรมชาติของตลาดหุ้นที่มักจะเปลี่ยนแปลงเร็ว หลายๆคนลงทุนในตลาดหุ้น และได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาได้กำไรจากการลงทุน
แต่เทคโนโลยี AI ทำให้เรื่องเหล่านี้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Support Vending Machine (SVM) และ Artificial Neural Networks (ANN) ถือเป็นเทคโนโลยีประเภทหนึ่งของ Machine Learning ทำให้สามารถคาดการณ์ และเรียนรู้แพทเทิร์นของตลาดหุ้นได้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ถือเป็นเรื่องที่สำคัญในการที่จะพยากรณ์ตลาดการเงิน และให้ผลสำเร็จได้
มี 3 อัลกอริทึ่มที่ใช้ในการคาดการณ์นี้ ได้แก่ Evenberg-Marquardt, Scaled Conjugate Gradient และ Bayesian Regularization ซึ่งเมื่ออัลกอริทึ่ม 3 อันนี้ทำงานร่วมกันทำให้ความแม่นยำสูงถึง 99% ด้วยการใช้ข้อมูลการซื้อหุ้นระหว่างวัน
4.การวิเคราะห์ลูกค้า
ธุรกิจอยู่ได้เพราะลูกค้า และลูกค้าสามารถทำได้ทั้งสร้างให้ธุรกิจเติบโต หรือทำลายธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่จะต้องทำการวิเคราะห์ข้อมูลฐานลูกค้าให้ดี และวางแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และพัฒนาการให้บริการในด้านอื่นๆต่อไป ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทที่จะเก็บข้อมูลผลการดำเนินงาน เนื่องจากการซื้อขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างบุคคล และผลตอบรับที่ได้รับมักจะมาจากทางทีมขาย และมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ในปัจจุบันเทคโนโลยี AI ทำให้บริษัทสามารถสำรวจผลตอบรับจากลูกค้าที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงยังให้ข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง และช่วยทำให้เกิดกลยุทธ์ที่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีขึ้น และช่วยอำนวยความสะดวกให้ทีมขายสามารถส่งมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยี AI ทำให้บริษัทโฟกัสที่การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์กับบริษัทอย่างมหาศาล
5.ใบเสร็จรับเงิน และใบแจ้งหนี้
ทุกธุรกิจมาพร้อมกับความรับผิดชอบในด้านการเงิน โดยสามารถจินตนาการได้ถึงการที่องค์กรจะต้องมีการจัดการเรื่องบิล การทำจ่ายเช็ค และใบแจ้งหนี้กับบริษัทคู่ค้าอยู่ตลอด ซึ่งกระบวนทางบัญชี และการเงินเหล่านี้สามารถกลายเป็นภาระของบริษัทไปได้ถ้าใช้คนในจัดการ นอกจากนั้นอาจจะทำให้คำนวณตัวเลขผิดพลาด ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายให้กับบริษัทได้ เทคโนโลยี AI ทำให้การบริหารจัดการเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย และแม่นยำมากขึ้นโดยการนำกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติมาใช้
ในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์หลายเจ้าในตลาดที่ให้บริการด้านบัญชี และการจัดการใบแจ้งหนี้ สำหรับการจัดการใบแจ้งหนี้แบบกระดาษ ซอฟต์แวร์เหล่านี้มีฟีเจอร์การดึง และแยกข้อมูลออกมาให้บริการ ซึ่งสามารถดึงข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ที่เป็นกระดาษออกมาได้ทันที่ที่มีการอัพโหลด สแกน และจัดเก็บใบแจ้งหนี้
โดยเฉพาะใบแจ้งหนี้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ยิ่งสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากระบบจะมีการวิเคราะห์ และจัดเก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ เครื่องมือในการจัดการบัญชีที่มีระบบ AI อยู่เบื้องหลังมีความแม่นยำสูง และถูกออกแบบการใช้งานมาเป็นอย่างดี ทำให้การจัดการเรื่องการเงินของบริษัทกลายเป็นเรื่องง่าย
6.การรีวิวข้อเสนอทางธุรกิจ (Proposal)
ได้มีการพิสูจน์มาแล้วว่าเทคโนโลยี AI มีประโยชน์ในการช่วยรีวิวข้อเสนอทางธุรกิจ ข้อเสนอทางธุรกิจมักจะมีการแลกเปลี่ยนกันเป็นปกติในการทำธุรกิจ และถ้าหากไม่มีการตรวจสอบ และวิเคราะห์ให้ดีอาจจะทำให้บริษัทเข้าหาลูกค้าผิดคนได้
ในปัจจุบันระบบ AI สามารถวิเคราะห์ข้อเสนอทางธุรกิจได้อย่างง่ายดายผ่านการทำงานของ Machine learning บริษัทสามารถทราบขอบเขตของงาน ราคา และตรวจสอบประวัติที่มาของข้อเสนอทางธุรกิจได้
ซอฟต์แวร์ AI ที่จัดการเรื่องข้อเสนอทางธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการคัดเลือกลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยจะทำการอ่านข้อเสนอทางธุรกิจทั้งหมด และตัดสินผลที่จะได้รับอย่างดีที่สุด ทำให้ช่วยประหยัดเวลา และนำเสนอผลการคาดการณ์ที่แม่นยำ นอกจากนั้นซอฟต์แวร์นี้ยังช่วยในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ให้กับบริษัท เพื่อทำให้บริษัทเติบโตต่อไปในอนาคต
7.ผู้ช่วยเสมือน และแชทบอท
ทุกธุรกิจจะมีสินค้า และบริการที่ต้องการนำเสนอให้กับลูกค้าในวงกว้าง เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และช่วยอำนวบความสะดวกให้กับทีมขาย และเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของธุรกิจจะสามารถอธิบาย และตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ด้วยตัวเอง
ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยี AI ธุรกิจได้นำผู้ช่วยเสมือน และแชทแบทเข้ามาใช้ในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของธุรกิจ ที่จะสามารถช่วยตอบคำถาม และให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทได้แบบ 24 ชั่วโมง
8.Targeted Marketing
ในปัจจุบันทุกธุรกิจใช้ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตในการสร้างให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น การตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือการทำโฆษณาเฉพาะกลุ่มเป็นวิธีการทำโฆษณาบนออนไลน์โดยใช้เทคโนโลยี NLP และ AI ในการเลือกส่งโฆษณาให้กับแต่ละกลุ่มลูกค้า
โดยกลุ่มผู้ชมโฆษณาแต่ละกลุ่มจะถูกแบ่งตามกิจกรรมที่ได้ทำบนโลกออนไลน์ และการค้นหาสินค้าและบริการบนออนไลน์ล่าสุด เพื่อที่จะคัดเลือกโฆษณาที่ตรงกับแต่ละกลุ่มผู้ชมไปแสดง
ถือเป็นการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และมีประโยชน์ต่อธุรกิจ เนื่องจากสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดได้ เพียงแค่ใช้การจับคู่คีย์เวิร์ดที่คนได้ค้นหาบนโลกออนไลน์
9.คาดการณ์การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบ
ระบบ AI สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยระบบ AI จะทำให้บริษัทสามารถคาดการณ์การทุจริต หรือความผิดปกติในรูปแบบต่างๆที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบได้ล่วงหน้า ช่วยทำให้ธุรกิจปลอดภัยจากความเสี่ยงต่างๆ นอกจากนั้นเทคโนโลยี AI ยังช่วยระบุถึงการให้เครดิตทางการเงินที่ไม่ถูกต้อง และการเคลมประกันที่ไม่ถูกต้องได้แบบเรียลไทม์ ช่วยรักษาผลประโยชน์ของบริษัทจากกลโกงต่างๆ และทำให้บริษัทปลอดภัยจากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
10.ข้อมูลเชิงลึกจากโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียได้กลายเป็นช่องทางในการสื่อสารที่มีอิทธิพลมากที่สุดช่องทางหนึ่งในการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้า และบริการให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี หากบริษัทไหนมีการใช้โซเชียลมีเดียของตัวเองได้อย่างแม่นยำ จะทำให้บริษัทได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้อย่างท่วมท้น
เนื่องจากมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก จึงทำให้การเก็บข้อมูลผลตอบรับจากลูกค้าในแบบแมนนวลนั้นเป็นไปได้ยาก แต่ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI ทำให้แบรนด์สามารถรู้ถึงจุดยืนของตัวเองในตลาด และได้ข้อมูลเชิงลึกจากฐานลูกค้าของตัวเองได้ ด้วยสิ่งเหล่านี้ทำให้แบรนด์สามารถนำมาวางแผน และพัฒนาการสื่อสารบนโซเชียลมีเดียได้ดียิ่งขึ้น
ส่งท้ายบทความ…
หลายๆธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ในปัจจุบันมีการเติบโต และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยกลยุทธ์และแผนที่ใช่ เทคโนโลยี AI เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับแต่ก่อน หลายสิ่งหลายอย่างมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเรามีระบบ หรือคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ โดยมีระบบ AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
รวมถึงทั้งนักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย ในสาขาของ Machine Learning, Deep Learning, Neural Networking และอื่นๆอีกมากมายยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว และซอฟต์แวร์หลายตัวถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการทำของธุรกิจในหลากหลายภาคส่วนเช่นกัน
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อัจฉริยะ พร้อมช่วยขับเคลื่อนการทำงานของธุรกิจ มีประสบการณ์ให้บริการโซลูชัน AI เพื่อองค์กรระดับประเทศมากมาย